Manifold Flashpoint จุดประกายหายนะ -อัพบทที่ 14 [29/12/2015]

---------------------------------------------------------
By: cpt-mctavish/skeletonking
ประเภท: Action, Supernatural, Sci-Fi, Drama(อันนี้ผมจะพยายาม)
เรท: PG-16
---------------------------------------------------------
ข้อมูลเบื้องต้น/คำแนะนำ
- เวลาอัพจะไม่แน่นอน แล้วแต่ช่วงเวลาจะอำนวยครับ
- รีไรท์ มีแน่ๆถ้าเกิดผมสามารถอัพเลเวลการเขียน
- อย่างที่บอกเรื่องเรท จะพยายามให้อยู่ในระดับ PG-13 หรือ 1ุ6 ครับ เพราะว่าเรื่องนี้จะมีความรุนแรง การใช้ภาษาและเรื่องไม่ควรเอาเป็นตัวอย่าง
- เนื้อหาที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์หรือประวัติศาสตร์จริงในเรื่อง มาจากการ"อ้างอิง"และความเข้าใจ โดยที่อาจมีการคลาดเคลื่อนทางข้อมูล ก็ขออภัยครับ
- ถ้าจะมีการลบบางส่วนหรือแก้ไขจะแจ้งให้ทราบครับ
สารบัญ
Part 1
Flashpoint
Chapter I: A New Day
Chapter II: Alone
Chapter III: TBC
Chapter IV: Bad Day(?)
Chapter V: Enough Internet for Today
Chapter VI: Stranger from Hell
Chapter VII: Mind the Gap
Chapter VIII: Flashpoint
ปล.ไม่ได้เข้าบอร์ดนาน ขอสูดบรรยากาศเดิมๆแปบ

---------------------------------------------------------
Please Enjoy
Thank You
------------------------------------------------------------
Prologue
พักใหญ่แล้วที่เขายืนรออยู่ในซอกตึกมืดๆ นานๆทีจะมีแสงไฟจากรถยนต์สาดผ่านเข้ามา นอกเหนือจากนั้นก็เพียงไฟติดๆดับๆเหนือหัวเท่านั้น
ในฐานะหนึ่งในป่าคอนกรีตและกระจกที่ใหญ่สุดในโลก เงาจากตึกระฟ้านับร้อยนับพันของมหานครนิวยอร์คนั้นดำมืดยิ่งกว่ารัตติกาล แสงไฟนับล้านทั้งจากตึก ป้ายและยานพาหนะนั้นไม่เพียงพอจะฉายไปทุกมุมของเมือง นั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่นิวยอร์คยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ที่นี้ยังมีมุมมืดๆเสมอ ซึ่งก็ดีสำหรับเขา
ท้องฟ้าดำมืดเหมือนอารมณ์ของเขา ค่ำคืนนี้เป็นอีกค่ำคืนที่สำคัญของเขา ไม่สิ ต่อพรรคพวกของเขา คู่นัดพบของเขาขึ้นชื่อในเรื่องความไม่น่าไว้วางใจและมักใหญ่ใฝ่สูง มีชื่อเสียเป็นที่เกลียดชังของทุกๆคนที่เขารู้จัก แต่อับราฮัมไม่มีทางเลือก ถ้าไม่เข้าถ้ำเสือย่อมไม่มีทางได้ลูกเสือ ถึงไอ้เสือตัวที่ว่าจะน่ารังเกียจมากกว่าน่าเกรงขาม สาเหตุเดียวที่เขายอมทำตามข้อเสนอก็เพื่อให้หมดพันธะเท่านั้น
ควันบุหรี่ลอยอ้อยอิ่ง เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอ่านข้อความอีกครั้ง มันคอยย้ำเตือนเสมอว่าในข่าวดีย่อมมีข่าวร้ายมาด้วย โดยเฉพาะในชีวิตของอับราฮัม
เอ.
เราได้มันมาแล้ว ไม่ใช่ง่ายๆเลยว่ะไอ้หนูแต่เราได้มันมาจนได้ ถ้าแกกำลังคิดมาก เราไม่ได้เสียใครไป ฉันเจ็บตัวนิดหน่อยก็เพราะอย่างที่บอกว่างานนี้มันไม่หมู เราจัดการพวกใส่สูทได้สอง หรือจะพูดว่าฉันเป็นคนจัดการดี
ไม่ค่อยมีใครแตะมันตามที่แกบอก ขนาดปิดตาฉันยังรู้เลยว่าไอ้นี่มันอันตรายแค่ไหน มิน่าล่ะ ไอ้พวกสูทดำมันถึงอยากได้นักหนา พวกมันรู้แล้วว่าพวกเราเป็นคนลงมือ แต่มันไม่มีทางตามกลิ่นเรามาแน่นอน ยกเว้นว่าทางแกจะมีใครทำพังซะเอง--ไม่ได้ว่านะ
แกอาจไม่ชอบไอเดียนี่แต่ไอ้ตัวแสบของเราเป็นคนเดียวที่พอจะผ่านเอาไอ้นี้ไปถึงมือแกได้ ฉันก็ไม่ไว้ใจมันแต่ตัวเลือกมันน้อย พวกใส่สูทก็แฝงตัวอยู่ทุกที่ ฉันว่าแกน่าจะเป็นคนบอกซินธ์เองเหอะว่างานนี้พวกเราซีเรียส แค่เห็นหน้ามันชั้นก็อยากฆ่าคนแล้ว
มันอาจเก็บของไว้เองชั้นรู้ดี แต่มันขี้ขลาดจะตายถ้าเกิดมันรู้ว่าของที่มันเม้มไปน่ะคืออะไร แต่ก็นั่นแหละ นี่เป็นภารกิจลับสุดยอด แค่มีไอ้ตัวแสบมาเป็นคนกลางก็ปวดหัวพอแล้ว แกจัดการเองแล้วกันไอ้หนู แล้วฉันจะรอฟังข่าวดีจากแก
เอ็ม.
ซินธ์เป็นไอ้ตัวแสบที่สุดคนหนึ่งเท่าที่อับราฮัมรู้จัก เหตุผลเดียวที่ทำให้เขาลอยหน้าลอยตาอยู่ได้เพราะเขาเก่งเรื่องแทงข้างหลังและเหยียบหัวคนอื่น นอกจากเขายังมีเส้นสายไปทั่ว ซินธ์ไม่ใช่นักสู้และไม่มีทางจะเป็นได้แต่ว่าด้วยลิ้นสองแฉกทำให้เขาหลายๆอย่างตามต้องการ อับราฮัมคิดว่าซินธ์อาจส่งลิ่วล้อมาแทนทั้งที่กำชับว่าต้องมาด้วยตัวเอง
อับราฮัมใช้เท้าขยี้ก้นบุหรี่ตัวที่สอง คนที่เขานัดมาก็ปรากฎตัวพอดี
"รถติดหรือไง" อับราฮัมรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่จำเป็นใช้รถ เขาแปลกใจเล็กน้อยที่อีกฝ่ายทำตามข้อตกลงด้วยการมาด้วยตนเอง
"ไอ้ของนี่ไม่ได้มาง่ายๆว่ะเพื่อน" คู่สนทนาเดินเข้ามาใกล้ๆพร้อมกระเป๋าในมือ เขาแต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูๆตามเคยซึ่งคราวนี้เป็นสูทสีขาวล้วน ใบหน้าหล่อเหลาราวกับนายแบบบวกกับผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตทำให้ไอ้หล่อนี่เหมือนหลุดมาจากพรมแดงของงานประกาศรางวัลซักแห่ง "รอนานมั้ยวะ อับราฮัม"
เขาบุ้ยใบ้ไปที่ก้นบุหรี่สองตัวใกล้ๆเท้า
"โทษๆ" พ่อเทพบุตรเอ่ย อับราฮัมสังเกตว่าอีกฝ่ายพาคนมาด้วยหกคน แต่ละคนแต่งตัวเนี้ยบพอๆกับเจ้านาย ซินธ์ก็ยังเป็นซินธ์วันยังค่ำ
"ให้ตายเหอะ ซินธ์" อับราฮัมบ่น "แต่งตัวอะไรของแกวะ"
"อิจฉาเหรอไง" ซินธ์แสยะยิ้ม "จะบอกให้ว่าแค่รองเท้าชั้นก็แพงกว่าไอ้ที่แกใส่มาทั้งตัวแหงๆ"
"ไม่ได้อิจฉา ที่แกเหยียบตะกี้มันฉี่พวกขี้เมาว่ะ ถ้าโชคดีก็อาจเป็นน้ำฝนก็ได้"
"บ้าเอ๊ย" อับราฮัมหัวเราะในลำคอขณะที่อีกฝ่ายสบถสาบาน แม้แต่ลิ่วล้อของซินธ์ยังหัวเราะเบาๆไม่ให้เจ้านายรู้
"เอาน่า เทพบุตรสุดหล่อ" เขาตัดเข้าประเด็น "รีบๆส่งกระเป๋ามาได้แล้ว ทีนี้เราจะได้ไปไกลๆจากไอ้ตรอกเหม็นอ้วกนี่ซักที ส่วนแกจะได้หมดธุระ"
"ฉันส่งแน่" ซินธ์ดูเหมือนจะได้สติแล้ว "ขอไรหน่อยสิ ทีนี้แกจะบอกได้หรือยังว่าไอ้ที่อยู่ในกระเป๋ามันอะไรกันแน่ ให้ตายเถอะฉันเป็นคนกลางแต่ไม่มีใครบอกอะไรเลย"
แปลกจริงๆที่มันไม่แอบเปิดดู แต่ก็ดีแล้ว "นั่นไม่ใช่เรื่องที่แกควรจะรู้ เราไม่มีเวลามาก ส่งมาเถอะน่า"
อับราฮัมไม่อยากเสียเวลานาน การที่พวกเขามารวมตัวกันจำนวนขนาดนี้เป็นเรื่องเสี่ยงพอแล้ว ยังไม่นับกับที่หนึ่งในนั้นถือเอาวัตถุอันทรงพลังมาด้วย จากที่เขาได้ยินมา ยิ่งใช้คนขนส่งมากก็จะยิ่งทำให้เจ้าวัตถุดึงดูดเหล่าบุคคลไม่พึงปรารถนาซึ่งความคิดดังกล่าวทำให้อับราฮัมเย็นวาบไปตามไขสันหลัง
ด้วยเหตุนี้เขาจึงเดินทางมารับของคนเดียว เขายอมเสี่ยงโดนหักหลังมากกว่าเสี่ยงโดนถูกพบ
"แกฟังอยู่หรือเปล่าวะ" ซินธ์ถาม
"ชั้นจำได้ว่าบอกแกไปว่าใช้กำลังคนขนส่งให้น้อยที่สุด คนเดียวยิ่งดี" อับราฮัมพูดเรียบๆ "แล้วนี่อะไร"
"เออๆ" ซินธ์เริ่มมีสีหน้าไม่พอใจ "พวกเด็กๆมันอยากเห็นตำนานมีชีวิตอย่างท่านอับราฮัมผู้ยิ่งใหญ่ไง ชั้นก็ไม่ใช่พวกใจดำ เลยสนองเด็กๆ..."
เขาเสียเวลาพอแล้ว "ซินธ์ เอามันมาให้...." อับราฮัมเดินตรงเข้าไปหาอีกฝ่าย แต่แล้วเขาก็ต้องหยุดชะงัก
"เฮ้ๆๆๆๆ" ซินธ์ยกมือขึ้นห้ามขณะที่อีกมือยกกระเป๋าขึ้น "โอเค ชั้นรู้ว่าเด็กๆของชั้นไม่ใช้คู่ต่อสู้แกหรอก แต่ให้ชั้นเดาอะไร ไอ้ของในกระเป๋านี่ต้องเจ๋งแน่ๆ แล้วจากที่พวกนั้นบอกให้ชั้นห้ามเปิดดู ระมัดระวังสุดขีดแถมกำชับว่าให้ส่งถึงมือแกคนเดียวอีก ให้ตายเถอะ ชั้นดูหน้าแกก็พอรู้น่าว่าแกอยากได้มันแค่ไหน บางทีถ้าแกขอดีๆ..."
"ไม่ตลกว่ะ ซินธ์ อาวุธนั่นอันตรายเกินกว่าจะ..." เขาพลาดจนได้
หนุ่มหล่อหัวเราะ "กะแล้วว่ามันต้องเป็นอาวุธ ถ้าอาวุธนี่เจ๋งอย่างที่แกบอก ชั้นก็มีเหตุผลพอที่จะเก็บมันไว้เองแล้วที่นี้พันธะโง่ๆนั่นจะได้จบกันซะที แต่ถ้าจะแกมีอะไรจะมาเสนอก็ชั้นอาจรับฟัง แค่อาจนะ"
แสงไฟด้านบนกระพริบถี่ขึ้น มือของอับราฮัมทั้งสองข้ามกำเป็นหมัด "นี่ไม่ใช่เวลาจะมาเล่นตุกติกกับชั้น"
ซินธ์ดูเหมือนจะพอใจ "โอ้ แกยังเหมือนเดิมแฮะ หัดอ่านวิธีตกลงทางธุรกิจบ้างนะ ไอ้โง่" ลิ่วล้อของเขาเดินเข้ามาล้อมอับราฮัมไว้ "ในเมื่อแกไม่ยอมบอกว่ามันทำอะไรได้ ชั้นดูเองก็ได้วะ" แล้วเขาก็เปิดกระเป๋านั่นออก
ในนั้นเป็นลูกทรงกลมอันนึ่งถูกวางไว้ในหลุม ผิวของมันเป็นสี่ขาวเงินมันวาวยิ่งกว่าโลหะใดๆที่อับราฮัมเคยเห็น ขนาดของมันพอๆกับแอปเปิ้ลลูกนึง แต่กระนั้นอับราฮัมรู้สึกถึงพลังงานมหาศาลอัดแน่นอยู่ในเจ้าลูกกลมๆลึกลับนี้ โชคร้ายที่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น
มีคนบอกเขาว่าเจ้าสิ่งนี้เป็นความหวังเดียวสำหรับความอยู่รอดของพรรคพวกเขา เป็นอาวุธที่แสนทรงอานุภาพ แต่กระนั้นอับราฮัมก็ยังไม่รู้ว่ามันใช้ยังไง อานุภาพที่ร้ายแรงตามตำนานเล่านั้นมันแค่ไหนกัน ตอนนี้เขาพอจะเดาออกแล้วว่าทำไม
ที่ไม่มีใครบอกได้อาจเป็นเพราะไม่เคยมีใครรอดชีวิตจากลูกทรงกลมนี้มาก่อน...
"....งาม" ซินธ์อธิบายลูกทรงกลมในหนึ่งคำได้ดีทีเดียว ช่วงขณะนั้นเหมือนเวลาจะถูกหยุด เมื่อซินธ์หยิบมันขึ้นมา สิ่งที่เหมือนกับไข่มุกสีเงินดูจะมันวาวมากขึ้นเมื่อเขายกมันขึ้นมาอวด ชั่วขณะนั้นอับราฮัมสามารถใช้ความเร็วแย่งมันมาได้ถ้าเขาต้องการ แต่สัญชาตญานบอกเขาไม่ให้ทำอะไรโง่ๆ
"พวกแกเห็นมั้ย!" ใบหน้าของซินธ์บ่งบอกถึงชัยชนะ "มันเลือกชั้นเว้ย แกเห็นมั้ยอับราฮัม อาวุธนี่มันเลือกชั้น อาวุธที่แกอยากได้นักหนาตอนนี้เป็นของชั้นแล้วไอ้หน้าโง่เอ๊ย คราวนี้แกจะทำยังไงฮะไอ้คนเก่ง ชั้นจะ.." แต่แล้วรอยยิ้มก็ค่อยๆเลือนหายจากใบหน้าหล่อเหลาของซินธ์ แทนที่ด้วยสีหน้าหวาดกลัวสุดขีด ใบหน้าของซินธ์กลายเป็นสีเทาซีดภายใต้เงาของตรอก
มีสีที่คล้ายกับภาพโฮโลแกรมสีฟ้าปรากฎขึ้นรอบๆลูกทรงกลม เป็นอักขระที่เขาไม่คาดว่าจะเคยเห็นนอกเหนือจากตอนที่เขาเรียนเพื่ออ่านมันก่อนที่ตำรานั้นจะบอกให้เขาหลีกเลี่ยงอะไรก็ตามที่อักขระแบบนี้เขียนอยู่ นอกจากนี้ยังมีลวดลายดาวห้าแฉกในวงกลมประทับอยู่บนลูกทรงกลมซึ่งก่อนหน้านี้เขาแน่ใจว่ามันเป็นแค่ลูกทรงกลมผิวเรียบ
ที่เลวร้ายที่สุดคือพลังงานที่อันแน่นอยู่เหมือนจะประทุอยู่ภายในและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนอับราฮัมรู้สึกหูอื้อ คราวนี้เขาไม่ได้รู้สึกอยู่ฝ่ายเดียว ซินธ์ฉลาดพอจะจับมันยัดกลับที่เดิมก่อนปิดกระเป๋า เขาถึงกับหอบหายใจ ใบหน้าไร้สีเลือด ดวงตาโปนด้วยความตื่นตระหนก
"พวกแก...." เขาพูดติดขัด ผมลู่ลงปรกใบหน้า "พวกแกมันบ้า....ถ้าชั้นรู้ว่ามันเป็นของพรรค์นี้....เวรเอ๊ย! เราเกือบซวยแล้วมั้ยล่ะ ถ้าเกิดชั้นช้ากว่านี่นิดเดียวล่ะก็ พวกเรามีหวัง....."
ตาย รวมถึงทุกชีวิตในนิวยอร์คด้วย
บางอย่างบอกเขาว่าซินธ์พูดผิด พวกเขาไม่ได้เกือบซวย.....
ความเงียบผิดธรรมชาติเขาปกคลุม ไม่มีเสียงยานพาหนะ ไม่มีเสียงหลอดไฟ หรือควรจะพูดให้ถูกคือไม่มีเสียงอะไรเลย ทั้งที่ๆเมื่อกี้เขายังได้ยินเสียงความวุ่นวายของนิวยอร์คอยู่เลย หลอดไฟเสียๆด้านบนก็เกิดสว่างจ้าขึ้นมาราวกับจะระเบิด
"บ้าเอ๊ย แกทำพังจนได้" อับราฮัมภาวนาให้สัญชาตญานเขาผิด แต่เขาไม่ได้โชคดีขนาดนั้น
พวกมันเจอเราแล้ว
ปลายสุดของตรอกปรากฎร่างของฝันร้ายยามค่ำคืน ชายร่างสูงในชุดสูทสีดำสนิทและเนกไทสีแดง ทุกคนหวีผมเรียบ ริมฝีปากเม้มเป็นเส้นตรง แว่นดำราวรัตติกาลปกปิดแววตาเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาคาดหวังจะเห็นในตอนนี้ ภายใต้แว่นดำนั้นคือสิ่งมีชีวิตที่อันตรายที่สุด แข็งแกร่งที่สุด โหดเหี้ยมที่สุด เจ้าเล่ห์ที่สุดเท่าที่พี่น้องของเขาเคยพบ เพราะว่าไม่เคยมีใครสามารถกลับมาเล่าถึงความน่ากลัวของพวกมันนั่นเอง
อับราฮัมสามารถเอาตัวรอดจากพวกมันคนเดียวได้สบาย เป็นคู่ต่อสู้ให้ได้ด้วยซ้ำไป แต่นี่พวกมันมากันสามคน
สามคน
"สวัสดีท่านสุภาพบุรุษทั้งหลาย" ชายชุดดำที่ยืนตรงกลางพูดขึ้น มีรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปาก "เราไม่ได้มาขัดจังหวะการพบปะเล็กๆพวกคุณใช่มั้ย"
อับราฮัมจ้องพวกชุดดำสลับกับกระเป๋าไปมา พวกนั้นแทบไม่ขยับ
"จริงสิ" ชายคนเดิมพูด "ดูเหมือนว่าในนั้น จะมี...ของสำคัญที่พวกคุณต้องการ ไม่สิ พวกเราต้องการ แต่ก็มีใครซักคนใจกล้าพอที่จะฉกมันจากเราไปแบบใต้จมูกแท้ๆ จากที่เห็นเมื่อครู่นี่ก็คงเห็นแล้วว่านั่นไม่ใช่ของเด็กเล่น พวกคุณจะรู้มั้ยเราเสียเวลาไปเท่าไหร่เพื่อตามชิงมันคืน ซึ่งก็ขอบใจจริงๆที่เปิดใช้งานมันเมื่อสักครู่จนเราตามมาเจอ เป็นความร่วมมือที่หาได้ยากจากพวกคุณจริงๆ"
ชายชุดดำเดินเข้ามาอย่างใจเย็น ใบหน้าของพวกนั้นทุกคนมีรอยยิ้มมุมปากอย่างมั่นใจ เสียงส้นรองเท้าหนังสะท้อนไปตามตรอก
"เข้าเรื่องเลยแล้วกัน ส่งมันมาซะ พวกเราไม่มีเวลาเล่นด้วยเท่าไหร่ บางทีผมอาจช่วยทำไม่รู้ไม่เห็นเกี่ยวกับการชุมนุมเล็กๆน้อยๆนี้"
ซินธ์และพรรคพวกดูเหมือนจะเสียความควบคุมไปแล้ว อับราฮัมต้องเลือกระหว่างว่าจะเสี่ยงรับมือกับพวกชุดดำสามคนหรือยอมให้พวกนั้นได้ลูกทรงกลมไป ซึ่งนั่นหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่วางแผนกันมาต้องพังทลาย เขาจะยอมให้มันเกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด
แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายคือ ซินธ์ดันตัดสินใจได้ก่อนเขา ไอ้สารเลววิ่งชนเขาจังหวะที่มันวิ่งหนี
เพียงพริบตาเดียว ซินธ์วิ่งไต่ขึ้นสู่ดาดฟ้าอาคารด้านหลังก่อนจะหายไป ทิ้งไว้เพียงรอยคอนกรีตแตกๆตรงจุดที่วิ่งขึ้นไป
ซินธ์ไปพร้อมกระเป๋า
"ช่างน่าเสียดาย" ชายชุดดำคนเดิมเอ่ยพลางยักไหล่
ฟุ่บ!!
อับราฮัมอาศัยจังหวะฉุกละหุกร่ายคาถา ม่านควันสีเทาดำพวยพุ่งออกมาจากแขนเสื้อของเขา บดบังตัวเขาจากตัวศัตรูที่ยืนนิ่งๆอย่างใจเย็น ไม่กี่อึดใจควันหนาทึบผิดธรรมชาติปกคลุมทั้งตรอก แสงหลอดไฟถูกควันบังแทบจะมิด อับราฮัมมองไปยังทิศทางที่ซินธ์หนีไปขณะที่ลิ่วล้อของซินธ์มองซ้ายขวาอย่างงุนงง แน่นอนว่าพวกนี่ไม่เคยเจอชายชุดดำแบบซึ่งๆหน้า นี่จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของพวกนั้น
น่าสมเพช
ไม่ต้องรอซ้ำสอง อับราฮัมใช้ความเร็วสุดชีวิตตามไอ้ตัวแสบไป จังหวะที่เขาขึ้นสู้ดาดฟ้าเข้าได้ยินเสียงต่อสู้ด้านล่างหรือเขาควรจะพูดว่าเป็นการลงมือฝ่ายเดียวมากกว่า ผงความมืดคงทำให้ศัตรูตามตัวเขาได้ยากขึ้น
ซินธ์อยู่ห่างจากเขาไปอีกสี่ดาดฟ้า อับราฮัมวิ่งสุดชีวิตจนเขาได้กลิ่นผงคอนกรีต ผงอิฐ ปนมากับกลิ่นเหม็นไหม้ของพื้นรองเท้า เขาทั้งพุ่งตัวทะลุป้ายโฆษณา กระโดดข้ามช่วงตึก แผดเสียงร้องเป็นวัวกระทิง จนกระทั่งไอ้ตัวแสบอยู่ห่างออกไปไม่เกินยี่สิบฟุต
ได้ตัวแกละ ไอ้เวร
"ซินธ์!!!!" เขาตะโกนขณะที่เขาถีบตัวกระโดดสุดแรง ซินธ์หันมามองอย่างเสียขวัญ สายตาของอับราฮัมจับจ้องอยู่ที่กระเป๋า อับราฮัมกำหูหิ้วกระเป๋าไว้แน่นขณะที่รวบตัวซินธ์ไว้แบบนักอเมริกันฟุตบอล พวกเขาพุ่งกระแทกพื้นอย่างแรงซึ่งร่างของซินธ์ถูกใช้เป็นเหมือนเบาะรองกระแทก เขาคิดว่าได้ยินเสียงแตกของคอนกรีต
แต่แน่นอนว่าแค่นั้นไม่ทำให้ไอ้ตัวแสบบาดเจ็บหรอก
เขาคร่อมร่างซินธ์เอา มือข้างซ้ายที่ไม่ได้ถือกระเป๋ากำรอบคออีกฝ่ายไว้แน่นก่อนฉุดให้ลุกขึ้นเต็มแรง คราวนี้ไอ้ตัวแสบถึงกับร้องไม่ออก
"โอเค โอเค ยอมแล้วๆๆ!!!" ซินธ์ร้องลั่นขณะที่นิ้วของอับราฮัมจิกแน่น เท้าของเขาเริ่มเตะอากาศ
"ชั้นขอโทษ คราวหน้าชั้นจะไม่.."
"หุบปาก!!" อับราฮัมตะคอก "ไอ้ที่แกทำเมื่อกี้เกือบทำพวกเราต้องสูญสิ้นไปกับความงี่เง่า ไอ้การเล่นสนุกของแกเรียกพวกมันมา คราวนี้แกเข้าใจหรือยัง!!"
"เข้าใจแล้วโว้ย!!" ซินธ์ตะเบ็งเสียง ตอนนี้ตาขาวเขาเริ่มหายไปแล้ว "แกไม่ฆ่าพี่น้องแกหรอกใช่มั้ย ? อับราฮัม แกเป็นนักรบ แก....."
อับราฮัมขบกราบแน่น ก่อนเขาจะคลายมือปล่อยไอ้ตัวแสบร่วงลงกับพื้น ซินธ์นวดคอพลางหอบหายใจอย่างทรมาน เขาเงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้าโล่งอกปนหวาดกลัวพลางกระเถิบออกให้ห่างเท่าที่เขาจะทำได้
อับราฮัมย่างสามขุมเข้าหาซินธ์ ความโกรธยังเต้นตุบๆและแผดเผาอยู่ในหัวของเขา "ชั้นจะปล่อยแกไปเพราะชั้นไม่ฆ่าพวกเดียวกัน ถ้าขืนแกกล้าเรียกชั้นว่าพี่น้องอีก รับรองว่านั่นเป็นคำพูดสุดท้า..."
ตาทั้งสองของซินธ์เบิกกว้าง ปากอ้าราวกับกรีดร้องอย่างไม่มีเสียง สีหน้าสยดสยองหน้านั้นมีความหมายเดียวเท่านั้น.....แต่อับราฮัมก็ช้าไปเสียแล้ว
บางอย่างแหลมคมและเป็นมันวาวเสียบทะลุหน้าอกเขาจากด้านหลัง ความเจ็บปวดทรมานแผ่ซ่านจากกลางหลังไปทั่วร่างกายพร้อมกับของเหลวอุ่นๆไหลอกมาจากหน้าอก อับราฮัมรู้สึกราวทุกแทงทั่วร่างพร้อมกันด้วยมีดเล็กๆเผาไฟและท่อนซุงเสียบเข้ากลางหลัง เขาพยายามอย่างมากเพื่อไม่ให้ร้องด้วยความเจ็บปวด ภาพที่เห็นเริ่มเลือนลาง
ความโกรธและรีบร้อนทำให่เขาลืมไปว่าพวกชุดดำไม่จำเป็นต้องตามหาเขามา แค่ตามซินธ์ให้เจอก็เท่ากับยิงปืนนัดเดียวได้นกหน้าโง่ถึงสองตัว เขาน่าจะฆ่าไอ้ตัวแสบซะตอนที่ยังมีโอกาส
"สารภาพตามตรงว่าที่คุณเล่นกลใช้ผงความมืดนั่นเรานึกไม่ถึง" เสียงคุ้นหูดังขึ้นด้านหลัง "ถึงใจจริงอยากสู้กับคนดังอย่างคุณแบบแฟร์ๆ แต่ช่วยไม่ได้เพราะคุณเป็นฝ่ายเล่นทีเผลอก่อน อีกอย่างนึงคือสงครามน่ะมันไม่มีคำว่าแฟร์หรอก อย่าโทษเราเลย"
อับราฮัมพยายามเกาะกุมกระเป๋าด้วยแรงที่มี แต่มือที่แข็งแรงกว่าของชายชุดดำอีกคนคว้ามันไปอย่างง่ายดาย เรี่ยวแรงและสติของเขาเหมือนถูกดูดออกไปทางบาดแผลกลางหลัง ขณะที่ความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สายตาพร่ามัวมองเห็นร่างในชุดดำตรงเข้าตรึงซินธ์ไว้กับพื้นด้วยการเหยียบ
"เฮ้...." ใบหน้าหล่อเหลาซีดเป็นกระดาษ สองมือกำขาของบุรุษชุดดำอย่างไร้หนทาง "สาบานได้ว่าชั้นไม่รู้ว่าไอ้นั่นคืออะไร......ชั้นติดหนี้พวกนั้น ชั้นไม่เกี่ยว.....ชั้นจะบอกทุกอย่าง! จริงๆนะ! ทุกอย่างเลย! รับรองว่าพวกแกต้องไม่เคยได้ยิน....ไม่ๆๆๆๆๆ อย่าฆ่าชั้น ได้โปรด อย่าทำ...." จู่ซินธ์ก็พูดไม่ออกเหมือนมีอะไรมาติดคอ
"ผมเสียใจจริงๆที่ไม่อาจมอบความตายอย่างนักรบให้กับอับราฮัมผู้โด่งดัง" เสียงของชายชุดดำเหมือนล่องลอยมาไกลแสนไกล "ที่ผมพอจะให้ได้มีแค่นี้แหละ ลาก่อน"
อับราฮัมสะท้านทั่วร่างเมื่ออีกฝ่ายดึงดาบออก เขารู้สึกถึงแรงกระชากที่หลังคอเสื้อเมื่อชายชุดดำเหวี่ยงเขาลงจากดาดฟ้า อากาศหวีดหวิวในหูขณะที่ร่างเขาลอยเป็นตุ๊กตาผ้าถูกโยนทิ้ง
สิ่งสุดท้ายที่เขารับรู้คือเสียงกรีดร้องของซินธ์และเปลวไฟสีขาว