21 ก.ย. 2016, 00:28 โดย pug005da
Episode 2 Clue...
4 เมษายน 2045
ด๊อกเชสเตอร์ , บอสตัน
สองวันถัดจากนั้นหลังจากมีการประชุมและจัดแจงทีมในปฏิบัติการแทรกซึม แร็บบิทและพรรคพวกในทีมกำลังแอบอยู่ตรงบริเวณตึกเก่าใกล้กับโกดังเป้าหมาย
ทั้งทีมอาศัยมุมมืดของภูมิประเทศโดยรอบเป็นสิ่งอำพราง จากจุดนี้สามารถมองเห็นโกดังเป้าหมายได้อย่างชัดเจน รวมไปถึงยามติดอาวุธอีกสองสามคน
ที่กำลังยืนประจำจุดอยู่ตรงบริเวณทางเข้าออกเพียงทางเดียว เห็นได้ชัดว่าโกดังแห่งนี้ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ไม่งั้นคงไม่จำเป็นต้องมียามติดอาวุธหนักคอยเฝ้าแบบนี้
ก่อนจะเริ่มภารกิจในทีมแทรกซึมครั้งนี้สมาชิกทุกคนต่างมีหน้าที่ประกอบด้วย
แร็บบิท หัวหน้าทีม
อเล็กซ์ ช่างเทคนิคควบตำแหน่งพลแม่นปืนประจำทีม
ลันฟา ฝ่ายพยาบาล
โฮลี่ ผู้เชี่ยวชาญด้านเคมี
มาร์โก้ รองหัวหน้าทีม
รี้ด สังเกตการณ์และอาวุธ
มิกกี้ พาหนะ
คูปเปอร์ ฝ่ายสื่อสาร
แร็บบิทเริ่มให้สัญญาณลูกทีมกระจายกำลังออกไป และให้ใช้เงาเป็นจุดบังสายตาในการลักลอบเข้าไป ภารกิจนี้จะส่งเสียงดังสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้
ความเงียบจึงเป็นปัจจัยหลักที่ใช้ในการทำภารกิจครั้งนี้ เพื่อความคล่องตัว แร็บบิทจึงสั่งให้แบ่งกำลังออกเป็นสองส่วน ส่วนแรกจะลอบเข้าไปภายในโกดัง
เพื่อหาข้อมูล และอีกส่วนหนึ่งจะคอยอยู่ด้านนอกคอยคุ้มกันและเตรียมแผนสำรองเผื่อผิดพลาด
จากประสบการณ์ตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมาสอนให้แร็บบิทนั้นระวังตัวอยู่เสมอ เพราะไม่เคยมีอะไรในโลกที่จะเป็นไปตามที่วางแผนเอาไว้เสียทุกครั้ง อย่างเช่นในครั้งนี้
แม้ลูกทีมที่อยู่กับเขาจะผ่านการฝึกมาเป็นอย่างดีแต่พอเอาเข้าจริงๆพวกเขาก็มีประสบการณ์ภาคสนามเพียงไม่กี่ครั้ง อย่างที่รู้กันว่าในการฝึกกับของจริงมันต่างกัน
อย่างเห็นได้ชัด เขายังจำประสบการณ์ตอนที่เพิ่งลงสนามรบเป็นครั้งแรกได้ดีสมัยที่ยังเป็นแค่ไอ้หน้าละอ่อนเพิ่งจบจากศูนย์ฝึกมาใหม่ๆ ระหว่างการซ้อมกับของจริง
เป็นคนล่ะเรื่องกันเลย เมื่ออยู่ในดงกระสุนนับร้อยทุกอย่างปะทุขึ้นเร็วมากจนไม่มีเวลาแม้แต่จะคิดเพื่อหาทางสู้ ตอนที่เขากลัวแทบตายในระหว่างที่อยู่กลางดงกระสุน
นายจ่าแก่ๆนายหนึ่งรีบดึงคอเขาขึ้นมาจากหลุมเพลาะก่อนตะโกนกรอกหูเขาแข่งกับเสียงปืนที่ยิงโป้งป้างอย่างระงมออกมาดังๆว่า
ถ้าไม่อยากตายก็ลุกขึ้นมาแล้วยิงซะ วันนี้เอ็งหนีไปไหนไม่รอดแล้วยังไงก็ต้องรบไอ้หนู!!
นับว่าวันนี้โชคดีที่ไม่ค่อยมีแสงจากดวงจันทร์สาองลงมามากนักเพราะเพิ่งผ่านคืนเดือนมืดมาได้ไม่นาน แถมอากาศคืนนี้ก็ไม่ค่อยร้อนมากนัก ทำให้ปัญหาที่เกิดจาก
ความอึดอัดตอนใส่ชุดเครื่องแบบภาคสนามลดลงได้มากพอดู จุดที่แร็บบิทอยู่นั้นไม่ไกลจากทางเข้าของโกดังมากนัก ลูกทีมทุกคนกำลังกระจายกำลังออกไปตามจุดต่างๆ
เพื่อหาช่องทางที่เหมาะแก่การจะแทรกซึมเข้าไป
“รี้ด นายเห็นอะไรบ้าง” แร๊บบิทวิทยุถามรี้ด ที่กำลังคุมเชิงอยู่บริเวณยอดตึกห่างออกไปราวสองร้อยหลาจากโกดังพร้อมปืนสไนเปอร์ไรเฟิล PLW-700 รุ่นมาตรฐานของหน่วย
เป็นอาวุธประเภทกระสุนพลังงานไฟฟ้า ไม่ทำให้ถึงตายแต่ถ้าโดนเข้าสักนัดเป็นได้โดนไฟฟ้าขนาดเจ็ดร้อยกิโลวัตต์ช๊อตเอาได้ดื้อๆ แร็บบิทนึกถึงสมัยก่อนนิดหน่อยที่ในยุคนั้น
อาวุธแบบนี้มันแทบจะเป็นแค่จินตนาการสำหรับเด็กๆหรือพวกบ้าการ์ตูนเท่านั้น แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเร็วมากจนคนรุ่นเก่าอย่างเขาตามแทบไม่ทัน
โดยเฉพาะตั้งแต่มีกาคิดค้นกระสุน NLR ‘Taser’ ขึ้นมาสถิติการจับตายของหน่วยงานต่างๆทั่วโลกก็เริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด มันเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย
เพราะสามารถผลิตได้ในราคาถูก มีประสิทธิภาพสูงในการหยุดยั้งเป้าหมายและที่สำคัญที่สุดคือไม่มีความรุนแรงจนถึงตาย ทำให้กระสุนชนิดนี้เป็นที่นิยม
อย่างแพร่หลายในเวลาอันรวดเร็วไม่เว้นแม้กระทั่ง แรทส์ ที่ยังคงใช้มันในการปฏิบัติการเกือบทุกครั้ง แม้แต่แร๊บบิทเองก็ยังรู้สึกชอบมันถึงจะมีบางครั้งที่รู้สึก
คิดถึงลูกตะกั่วแบบเก่าบ้างก็เถอะ
แต่ก็อย่างว่า เครื่องมือมันก็เป็นแค่ตัวช่วยไม่มีอาวุธอะไรจะสำคัญไปกว่าประสบการณ์และกึ๋นของผู้ใช้ล้วนๆ...
“ยังไม่เห็นอะไรมากครับ... มียามติดอาวุธสามคนหน้าทางเข้า นี่คงไม่ใช่การคุ้มกันแค่การขนส่งยาหม่องอย่างที่หัวหน้าบอกแน่ครับ...” รี้ดตอบกลับ
“อเล็กซ์ทางนายเป็นไงบ้างไอ้ลูกชาย... เปลี่ยน” คราวนี้แร็บบิทลองถามอเล็กซ์ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของโกดังบ้าง
“ครับ ‘วาสป์’ โดรนกำลังเข้าที่... จะเริ่มแสกนโครงสร้างภายในของอาคารในอีกสองสามนาทีครับ...” อเล็กซ์ตอบกลับมาพร้อมกับ เสียงของอะไรสักอย่าง
ที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้า เดาว่าคงเป็นโดรนที่อเล็กซ์พูดถึงไม่ผิดแน่
อเล็กซ์ มิลเลอร์ ผู้รับตำแหน่งช่างเทคนิคของทีมในความคิดของแร็บบิท หมอนี่เป็นไอ้หนุ่มหน้าละอ่อนที่เพิ่งเข้ามาอยู่ในหน่วยนี้ได้สามปีเท่านั้น ถึงจะมีข้อเสีย
เรื่องมาสายอยู่บ่อยๆก็ตาม แต่เจ้าหนุ่มนี่ก็เป็นคนฉลาด สามารถแก้ปัญหาหลายอย่างที่ตัวแร๊บบิทไม่สามารถแก้ไขได้ในหลายต่อหลายครั้ง ก็นับว่าเป็นเด็กที่มีแววอีกคนหนึ่ง
ที่แร๊บบิทค่อนข้างจะใส่ใจมากเป็นพิเศษ
วาสป์โดรนบินวนไปรอบๆโกดังเคอยแสกนความเคลื่อนไหวทั้งหมดภายในโกดังจากเซนเซอร์รูปแบบต่างๆที่ประกอบอยู่ในตัว และเจ้าโดรนที่รูปร่างเหมือน
เครื่องบินบังคับเด็กเล่นตัวนี้ อเล็กซ์เป็นคนออกแบบและสร้างมันขึ้นมาเอง แร๊บบิทจำมันได้เพราะเขามักเห็น อเล็กซ์ขลุกอยู่กับมันหลายครั้งจนบางที
เห็นนั่งถอดนั่งประกอบอยู่ทั้งวัน มีหลายครั้งในภารกิจที่เครื่องมือของอเล็กซ์ช่วยลูกทีมเอาไว้ นั่นเป็นข้อดีส่วนหนึ่งที่แร๊บบิทค่อนข้างจะใส่ใจกับอเล็กซ์มากกว่าใครในทีม
“วาสป์ แสกนเรียบร้อยแล้วครับ... มีสามคนที่ประตูทางเข้า สี่คนที่ชั้นล่าง... แล้วก็อีสามคนที่ชั้นสอง จะให้ทำยังไงครับหัวหน้า...” อเล็กซ์รายงานก่อนจะถามคำสั่งต่อไป
“รออยู่กับที่ไปก่อน อเล็กซ์โดรนของนายมีอาวุธติดมาไหม?”
“มีปืนไฟฟ้า PTD กับ C4 พ่วงสำหรับทำลายตัวเองกรณีฉุกเฉินอีกครึ่งปอนด์ครับ...” อเล็กซ์ตอบกลับมาระหว่างที่โดรนกำลังบินไปยังตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัดที่สุด
ให้ตายไอ้เด็กนี่เป็นอัจฉริยะแห่งการสร้างชัดๆนี่คือสิ่งที่แร๊บบิทคิดในเวลานี้ แบบนี้ก็เหมือนกับว่าพวกเขามีกำลังเสริมทางอากาศคอยคุ้มกันเผื่อฉุกเฉิน แถมยังมีระเบิด
ที่พร้อมจะทิ้งตัวเข้าใส่จากบนฟ้าอีกลูกหนึ่งเต็มๆ
“ดีมากนายคอยคุ้มกันเราจากข้างนอกด้วยโดรนนั่นกับรี้ด โฮลี่ ได้เวลาทำงานแล้วฉันกับมาร์โก้จะลอบเข้าไป นายปล่อยตัวล่อซะรอฟังสัญญาณ
คนที่เหลือรักษาตำแหน่งเดิมเอาไว้ ทำตามหน้าที่ของตัวเอง” แร๊บบิทพูด พร้อมออกคำสั่งลงมือกับคนที่เหลือ ขณะที่พวกยามหน้าทางเข้ากำลังพูดคุยกัน
ในระหว่างเฝ้ายามโดยไม่รู้ว่ากำลังจะโดนล้วงตับครั้งใหญ่ในอีกไม่กี่อึดใจนี้แล้ว
ภารกิจกำลังจะเริ่มพร้อมกับเวลานับถอยหลังของแร็บบิทที่ดังผ่านวิทยุ
สาม...
สอง...
หนึ่ง...
หวอ!! หวอ!!
เสียงสัญญาณเตือนภายของรถทุกคันในพื้นที่แถบนั้นแผดเสียงร้องออกมาพร้อมๆกันจนดังไปทั้งย่านด้วยฝีมือของโฮลี่ ชายหนุ่มได้ใช้เครื่องแปลงสัญญาณ
ส่งคลื่นไปรบกวนระบบเตือนภัยของรถทุกคันที่อยู่ในรัศมีสองช่วงตึกให้ระบบเตือนภัยทำงานผิดพลาด และมันก็ได้ผลเสียงสัญญาณเตือนภัยนั้นมากพอ
ที่จะดึงความสนใจของยามเกือบทั้งหมดได้ โฮลี่เห็นยามจำนวนหนึ่งวิ่งออกมาดูความผิดปกติข้างนอก เหลือเพียงแค่สองคนที่ยังเฝ้าอยู่ด้านใน
แผนการหลอกล่อแบบนี้คงใช้ได้ผลกับพวกนี้ไม่นาน ทุกวินาทีมีค่าการลงมือให้ไวที่สุดคือสิ่งสำคัญ แร็บบิทและมาร์โก้แอบลอบเข้ามาในโกดังอย่างเงียบเชียบ
ความมืดที่เคยเป็นเหมือนเพื่อนและสิ่งกำบังให้กำลังหายไป ภายในโกดังนั้นมีแสงสว่างค่อนข้างมากไม่ค่อยมีมุมมืดให้หลบเสียเท่าไหร่ แต่ก็ยังดีที่มีลังไม้ขนาดใหญ่
กล่องกระดาษและบรรดาสินค้าอีกมากมายหลายรูปแบบถูกเก็บเอาไว้ในโกดัง มากพอที่จะใช้เป็นที่หลบและกำบังสายตาได้บ้าง
แร็บบิทแยกกับมาร์โก้ไปคนล่ะทาง มาร์โก้จะไปจัดการพวกที่อยู่ด้านบนและคอยคุ้มกันจากด้านบนอีกทีเผื่อผิดพลาด ขณะเดียวกันแร๊บบิทหน้าที่ของเขาคือการ
เข้าไปรวบรวมเบาะแสหรือหลักฐานอะไรก็ตามที่อยู่ในโกดังนี้ แร๊บบิทตั้งสติสูดลมหายใจเบาๆพร้อมทั้งประทับปืนในมือให้มั่นพร้อมรับมือในทุกสถานการณ์
หัวหน้าผู้สูงวัยย่องเข้าไปตามคลังสินค้าเพียงลำพังในเวลานี้มีเพียงเขากับ M27 ที่เป็นเพื่อนคู่ใจเท่านั้น มันเป็นปืนรุ่นมาตรฐานของหน่วย แรทส์
บรรจุกระสุน Taser ขนาด 5.56 X 45 มิลลิเมตร จำนวนสามสิบนัด บวกอีกหนึ่งนัดในรังเพลิง เสริมด้วยตัวเก็บเสียงซับเพรซเซอร์ แม้ความรุนแรงจะไม่ถึงตาย
แต่ถ้าลองโดนกราดเข้าสักแม็กนึงรับรองว่าไม่ใช่แค่คันแน่ แร๊บบิทเตรียมปืนเอาไว้ให้พร้อมเผื่อต้องปะทะในระยะประชิดเพราะอย่าลืมว่าตอนนี้กำลังอยู่กลางดงของศัตรู
ไม่ว่าอะไรก็ล้วนแต่เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น
“หัวหน้า ด้านบนเคลียร์แล้ว... บนนี้ผมมองเห็นยามสองคนกำลังยืนเฝ้าไม่ขยับไปไหนอยู่หน้าตู้อะไรสักอย่าง... ประมาณสิบถึงยี่สิบหลาจากทางขวามือของหัวหน้า...”
โฮลี่รายงานผ่านวิทยุหลังจากที่เจ้าหนุ่มจัดการเคลียร์พื้นที่ตรงชั้นสองได้แล้ว ตอนนี้แร๊บบิทมองเห็นเขากำลังเล็งปืนอยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นได้ทั้งโกดัง
แร๊บบิทค่อยๆย่องไปตามทางที่โฮลี่บอกและเป็นอย่างที่ว่ามาจริง มียามสองคนยืนเฝ้าอยู่หน้าตู้สินค้าบางอย่าง สวมเสื้อเกราะเต็มตัวพร้อมอาวุธหนัก
อย่างปืนกลประจำหมู่ LSAT และลูกซองอีกหนึ่งกระบอก แบบนี้การจะดวลเดือดกันแลกกระสุนกันตรงๆคงไม่ดีแน่
“โฮลี่ รอฟังสัญญาณ นายเก็บตัวทางขวา ฉันเก็บทางซ้าย นับสาม... สอง... หนึ่ง...”
เปรี้ยะ! เปรี้ยะ!
เสียงเปรี้ยะๆดังดังขึ้นสองครั้งในเวลาเดียวกับที่ร่างอันกำยำของยามสองคนที่เฝ้าอยู่หน้าตู้สินค้าถูกกระแสไฟฟ้ากว่าเจ็ดร้อยกิโลวัต ช๊อตจนขยับไม่ได้
การยิงที่แม่ยำและรวดเร็วแทบไม่ทำให้เกิดเสียงดังขึ้นแม้แต่น้อย แร๊บบิทวิ่งเข้าไปตรงร่าของยามทั้งสองก่อนจะรีบทำให้สลบในทันทีแล้วนำร่างของทั้งสองคน
ไปซ่อนเอาไว้ด้านหลัง มันน่าจะช่วยไม่ให้พวกที่อยู่ด้านนอกรู้ตัวไปอีกสักพักใหญ่
แร๊บบิทตรวจดูที่หน้าประตูตู้คอนเทนเนอร์เช็คให้ดีว่ามีกับดักหรือระเบิดอะไรพ่วงอยู่รึเปล่า แต่ว่าสิ่งที่เจอหลังจากนั้นมันยุ่งยากยิ่งกว่ากับดักหรือว่าระเบิดเสียอีก
ตัวล๊อกพร้อมแป้นกดรหัสจำนวนหกชุด เยี่ยม... เจอของแสลงเข้าให้อีกแล้วเรา...
เขาบ่นในหัวอย่างเซ็งเป็ดเพราะตู้คอนเทนเนอร์เจ้ากรรมดันมีระบบล๊อกรหัสเปิดเอาไว้ด้วย การจะเปิดประตูได้ก็ต้องใช้รหัสหกตัวสุ่มจากหมายเลขเป็นล้านๆ
ที่พอจะเดาได้ นี่คงจะงานข้าวของจริงซะแล้วแร๊บบิทลองคิดออย่างมีสติ ถึงตอนนี้จะเจอปัญหาก็ใช่ว่าจะไม่มีทางแก้มันได้ ทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ
“ข่าวร้ายฉันเจอตู้คอนเทนเนอร์ แต่มันล๊อกอยู่ด้วย ตัวล๊อกระดับเดียวกับตู้เซฟปลดล๊อกด้วยรหัสหกชุด ฉันเปิดเข้าไปไม่ได้ ใครมีไอเดียอะไรไหม?” แร๊บบิทถามคนอื่นผ่านวิทยุ
“หัวหน้า... หัวหน้าบอกว่าตัวล๊อกใช่ไหมครับ... เป็นตัวล๊อกแบบไหนรูปร่างยังไง... พอบอกได้ไหมครับ...” อเล็กซ์ นายช่างหนุ่มประจำทีมถามขึ้นหลังจากได้ยินที่แร๊บบิท
พูดเมื่อครู่เกี่ยวกับตัวล๊อกรหัสที่กำลังสร้างปัญหาให้กับพวกเขาอยู่ในเวลานี้
แร๊บบิทมองดูตัวล๊อกอย่างพินิจพิจารณาอยู่พักใหญ่ก่อนจะตอบกลับไป “เป็นตัวล๊อกระบบไฟฟ้า มีช่องเล็กๆสำหรับใส่คีย์การ์ดแบบเฉพาะ ต้องป้อนรหัสจำนวนหกชุด
เพื่อเปิดมัน ตัวล๊อกทำจากไททาเนี่ยมเคลือบทองแดงป้องกันการตัดเจาะด้วยความร้อน แล้วก็มีระบบแสกนลายนิ้วมือพ่วงติดมาด้วยอีก...”
ถึงไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเขาก็รู้ว่าไอ้ตัวล๊อกนี่เป็นตัวสร้างปัญหาได้เป็นอย่างดี ไม่รู้ว่าของที่อยู่ข้างในตู้นี้มันคืออะไรกันแน่ ถ้ายังหาวิธีการเจาะเข้าไปไม่ได้ก็อย่าหวังเลยว่า
ชาตินี้จะได้รู้ แร๊บบิทสังเกตว่าอเล็กซ์ที่ปลายสายเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะตอบกลับมาหลังจากนั้น
“ไม่น่าจะเป็นปัญหา หัวหน้าครับยังจำของที่ผมให้หัวหน้าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วได้ไหมครับ?” เจ้าหนุ่มช่างเครื่องถามเขาขึ้น
แร๊บบิทนึกขึ้นได้ว่าเมื่ออาทิตย์ก่อนอเล็กซ์ได้เอาของสองสามอย่างมาให้เขาด้วยจำนวนสองชิ้น แร็บบิทลองเอามันออกมาจากกระเป๋าอุปกรณ์ที่เหน็บอยู่ข้างเอวทั้งสองอย่าง
ชิ้นแรกเป็นอุปกรณ์รูปร่างแปลกตาคล้ายเป็นคอมพิวเตอร์แบบมือถือ ตรงส่วนปลายมีสายพ่วงคล้ายสายโทรศัพท์เชื่อมต่อกับแผ่นเคฟล่าห์บางๆลักษณะเหมือนคีย์การ์ด
ส่วนชิ้นที่สองเป็นถุงมือสนามที่ดูไม่ต่างจากถุงมือทั่วๆไปนัก แร๊บบิทนึกไม่ออกว่าไอ้ของที่ดูธรรมดาแบบนี้จะช่วยอะไรได้กัน
“หัวหน้าลองเอาเครื่องถอดรหัสนั่นเสียบการ์ดเข้าไปในช่องของมันถ้ามันได้ผล ผมก็จะสามารถบายพาสระบบหลักเข้าไปถึงโปรโตคอลหลัก เพื่อทำการเชื่อมสัญญาณ
เข้ากับรหัสของตัวล๊อก...”
“ขอภาษาชาวบ้านหน่อยอเล็กซ์” แร็บบิทรีบแทรกขึ้นทันควันก่อนจะงงไม่มากกว่านี้ คนอื่นเองก็คงจะคิดเหมือนกัน ในหัวของแต่ล่ะคนคงจะกำลังคิดว่า
อเล็กซ์กำลังพล่ามบ้าอะไรเป็นภาษของพวกแฮกเกอร์อยู่แหงๆ
พอได้ยินอเล็กซ์ก็รีบแก้ข้อมูลทันที “ขอโทษครับ... ง่ายๆคือหัวหน้าแค่เอาไอ้เครื่องนั่นไปเสียบที่ช่องคีย์การ์ดแล้วปล่อยให้ผมปลดล๊อกระบบเองครับ...”
พูดงี้ตั้งแต่แรกก็หมดเรื่องแล้ว...
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อเล็กซ์เริ่มลงมือถอรหัสเพื่อบายพาส ระบบล๊อกทันทีที่อุปกรณ์ชิ้นนั้นถูกเสียบเข้าที่ของมัน ระบบล๊อกตัวนี้จัดว่าแน่นหนาพอสมควร แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับ
คนที่เก่งเรื่องวิศวกรรมไฟฟ้ากับการเขียนโปรแกรมอย่างเขา ชายหนุ่มเริ่มลงมือเจาะเข้าระบบหลักของตัวล๊อกก่อนจะทำการใช้โปรแกรมถอดรหัส จัดเรียงชุดหมายเลข
เข้าด้วยกันเพื่อหารหัสที่ถูกต้อง คงอีกสักพักกว่าจะแก้เสร็จมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ต้องรับหน้าที่ทั้งเป็นผู้เฝ้าระวัง ช่างเทคนิคและยังต้องมานั่งไขรหัสตัวล๊อกของ
ตู้คอนเทนเนอร์แบบนี้อีก เยี่ยมชะมัดยาดเลย
“อเล็กซ์รีบหน่อยได้ไหม เราต้องไปวันนี้นะ” แร็บบิทพูดขึ้นอย่างร้อนใจ
“ขอเวลาอีกสองนาทีครับหัวหน้า นี่ไม่ใช่แค่ซ่อมเซิร์ฟเวอร์นะครับ ต้องแยกรหัสอีสองตัวแถมยังต้องอัพโหลดลายนิ้วมืออีก หัวหน้าลองสวมถุงมือที่ผมให้ไปดูสิครับ
เอามันแตะที่ตัวแสกนลายนิ้วมือสักสิบวิ ผมจะลองลอกลายนิ้วมือบนแผงดู” ชายหนุ่มแจ้งกับหัวหน้าพลางกดคีย์ข้อมูลผ่านทางอุปกรณ์ที่ติดอยู่ตรงหลังข้อมือ
มันมีรูปร่างเหมือนแทบเล็ตขนาดเล็กแต่มีความล้ำหน้ากว่ามาก
อ๊อบแซ๊ตหรือชื่อเต็ม Operation Satellite uplink เป็นอุปกรณ์สารพัดประโยชน์ที่ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในวงการทหารตั้งแต่ปี 2033 เป็นอุปกรณ์ขนาดเล็ก
ที่สามารถทำได้สารพัด ตั้งแต่การติดต่อสื่อสาร แฮ็กเข้าระบบข้อมูล รายงานสภาพอากาศ ถ่ายภาพ บันทึกเสียงและอีกสารพัดเท่าที่จะนึกฝันได้ นับว่าเป็นอีกขั้น
ที่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของทหารที่สามารถทำให้ทหารเพียงคนเดียวสามารถพลิกเกมทั้งสนามรบได้
อเล็กซ์ คีย์ข้ออมูลทั้งหมดลงไปจนกระทั่งถุงมือที่แร๊บบิทสวมอยู่ตรงส่วนปลายมีไฟติดขึ้น ปรากฏเป็นรูปของลายนิ้วมือที่อเล็กซ์เพิ่งจะแสกน ลอกออกมา
จากตัวแสกนลายนิ้วมือของตัวล๊อกจำนวนทั้งห้านิ้วคยถ้วน แร๊บบิทรีบเอามือแตะเข้าไปที่แท่นแสกน ซึ่งอเล็กซ์ภาวนาขอให้มันใช้ได้ผล
เชื่อมือตัวเองหน่อยสิวะอเล็กซ์นายมันเจ๋งอยู่แล้ว!
รหัสชุดสุดท้ายถูกป้อนเข้าไปพร้อมกับตอนที่ตัวล๊อกทั้งหมดถูกปลด ประตูตู้คอนเทนเนอร์เปิดอ้าออกอย่างเต็มที่ เป็นอีกครั้งที่อเล็กซ์ทำสำเร็จ
“เยี่ยมมากอเล็กซ์ ประตูเปิดแล้วกำลังเข้าไป” แร๊บบิทกล่าวชมก่อนจะเริ่มเดินเข้าไปในตู้คอนเทนเนอร์
อเล็กซ์ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ทำพลาด อุปกรณ์ตัวต้นแบบที่เขาเป็นคนสร้างทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดีในการลองใช้ครั้งแรก
ชายหนุ่มแทบไม่อยากคิดหากหัวหน้ารู้เข้าว่าอุปกรณืที่เพิ่งช่วยพลิกสถานการณ์ไปนั้นเป็นการทดลองใช้ครั้งแรก พี่แกจะโวยแหลกขนาดไหนเพราะงั้นการทำเป็น
ไม่ปริปากพูดดูท่าจะดีที่สุด
สถานการณ์ทุกอย่างยังคงเป็นไปตามแผนการแทรกซึมสมบูรณ์ ส่วนพวกยามที่โดนล่อออกมาเมื่อครู่ก็โดนคนในทีมที่เหลือของเขายิงจนสลบหมดทุกราย
ทุกอย่างกำลังเป็นไปได้สวย
ไม่กี่นาทีต่อมาแร๊บบิทก็พูดขึ้นมาเหมือนเขากำลังเจอกับอะไรบางอย่าง
“อเล็กซ์ ฉันเจอปัญหาอีกอย่างในนี้ไม่มีอะไรเลย นอกจากกระเป๋านิรภัยใบนึงใช้ระบบเดียวกันกับตัวล๊อกข้างนอก นายพอจะเจาะเข้าได้ไหม”
“ได้ครับหัวหน้า แค่เสียบการ์ดค้างเอาไว้ก็เฟี้ยวได้เลย” อเล็กซ์ตอบอย่างร่าเริง
เมื่อได้คำตอบแร๊บบิทก็รีบเสียบคีย์การ์ดของเครื่องถอดรหัสลงที่กระเป๋าใบนั้นโดยทันที ข้อมูลทั้งหมดเด้งขึ้นมาบนอ๊อบแซ๊ทของอเล็กซ์ เป็นรหัสผ่านสี่ชุดหกตัว
ก็ยากเอาการอยู่ แต่ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร ชายหนุ่มเริ่มลงมือแฮ๊กและทำการถอดรหัสในทันที ทุกๆอย่างกำลังดำเนินไปได้สวยจนกระทั่ง...
“เออ... ทุกๆคนเรามีปัญหาแล้ว พบขบวนรถทางด้านทิศใต้กำลังมุ่งเข้ามาทางนี้... เปลี่ยน” รี้ดรายงานเข้ามาโดยที่อเล็กซ์ยังไม่ทันได้ดีใจกับผลงานของตัวเอง
เลยด้วยซ้ำ ก็ดันมีปัญหารายงานเข้ามาอีกแล้ว
“ถามหน่อยรี้ด เรื่องที่นายว่ามามันจะเป็นปัญหากับเราไหมเนี่ย...” ชายหนุ่มถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจนัก ที่อยู่ๆรี้ก็แจ้งเตือนมาทางวิทยุด้วยเหตุแค่ว่า
มองเห็นขบวนรถที่วิ่งผ่านแถวนี้เป็นปกติกำลังตรงมาทางนี้
“ก็คงไม่ได้เป็นปัญหาหรอกนะอเล็กซ์ ถ้าไม่บังเอิญฉันเห็นรถที่กำลังตรงเข้ามาเป็นรถ GMC ท๊อปคิก มาพร้อมกลุ่มทหารฮาร์ดคอร์ ติดอาวุธเต็มกระบะหลัง
กำลังตรงเข้ามารุมสกรัมพวกเราและ ใช่... มันเป็นปัญหาแน่...” รี้ดประชดตอบกลับมาเป็นการเตือนถึงภัยครั้งมโหฬาร ที่กำลังพุ่งเข้ามาพร้อมยานเกราะและอาวุธหนัก
เต็มอัตราเป้าหมายของพวกนั้นคงกะมาบดขยี้พวกเขาเป็นเศษเนื้อแน่ๆ
งานนี้อเล็กซ์คงเถียงไม่ออกเพราะโดรนสอดแนมของเขาก็กำลังจับภาพกลุ่มขบวนรถที่กำลังตรงเข้ามาได้เช่นกัน อย่างที่รี้ดบอกไม่มีผิดกลุ่มทหารเดนตาย
มาพร้อมอาวุธสารพัดรูปแบบตั้งแต่ปืนพกไปจนถึงเครื่องยิงจรวด คำนวณจากจำนวนที่เห็นแล้วคงยกมาไม่ต่ำกว่าสองโหลแน่
“พวกเรารู้ได้ไงกันว่าพวกเราอยู่ที่นี่นะ!!” คูเปอร์โวยลั่นคลื่นหลังจากที่เห็นแสงไฟจำนวนหลายดวงจากหน้ารถกำลังตรงมาทางนี้
“จะยังไงก็ไม่รู้ล่ะนะ หัวหน้าเรารีบเผ่นเถอะครับ กำลังจะมีแขกมาเยือนที่นี่แล้วในอีกห้านาที แบบนี้น้ำน้อยแพ้ไฟชัดๆเลยนะครับ!” อเล็กซ์แจ้งแร๊บบิทให้รีบถอย
เป็นการด่วน เพราะมองโดยภาพรวมแล้วตอนนี้พวกเขาเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด หากปะทะกันกลางโกดังนี่ผลลัพธ์ที่ตามมาคงไม่ใช่เรื่องที่น่าอภิรมย์แน่
“ไม่... เรามาไกลเกินกว่าจะกลับไปมือเปล่าแล้ว ขอเวลาเปิดไอ้กล่องนี่ก่อน ถ้าพวกมันถึงกับเอาคนมาเฝ้าไอ้กล่องนี่แปลว่ามันต้องสำคัญมากแน่ๆ” แร๊บบิทเช็คอาวุธ
และเตรียมกระสุนให้พร้อม “อเล็กซ์นายขึ้นไปหลบบนหลังคาถ้าถอดรหัสเสร็จแล้วรีบบอกด้วย รันฟาเธอไปรวมกับอเล็กซ์คอยคุ้มกันเขา มิกกี้สตาร์ทเครื่องรอไว้มารับเรา
ทันทีที่ได้สัญญาณ ที่เหลือหาจุดยิงให้ประสานกันยันข้าศึกเอาไว้ให้นานที่สุดแยกย้ายกันไปได้!!”
ทุกคนขานรับคำสั่งของแร๊บบิทพร้อมๆกัน อเล็กซ์เลยไม่มีทางเลบือกเพราะมันจริงอย่างที่บอก อุตส่าห์มาทั้งทีจะกลับไปมือเปล่ามันก็กระไรอยู่ คงต้องตามน้ำไป
อย่างเลี่ยงไม่ได้แล้วคราวนี้ ชายหนุ่มไม่รอช้ารีบใช้ปืนยิงตะขออุปกรณืเสริมอีกชิ้นที่ติดอยู่กับรอกตรงแขนยิงสายเคเบิ้ลไปบนหลังคา ก่อนจะดึงตัวขึ้นไปสมทบกับรันฟา
ที่รออยู่บนหลังคาก่อนหน้านั้นแล้ว
หน้าที่ของอเล็กซ์ในตอนนี้คือทำการแฮ๊กระบบของกล่องนิรภัยที่ว่านั่นได้เร็วที่สุดระหว่างที่พวกข้างล่างนั่นกำลังยันศัตรูเพื่อซื้อเวลาให้กับเขา ด้วยเหตุนี้อเล็กซ์
จึงตั้งโดรนคุ้มกันให้อยู่ในโหมดอัตโนมัติ มันจะยิงทุกอย่างที่ไม่ใช่พรรคพวกของเขาทันทีที่ตรวจพบการเคลื่อนไหวในพื้นที่นั้นๆ แน่นอนว่าอเล็กซ์มีหน้าที่เพียงอย่างเดียว
ที่เหลืออยู่ในตอนนี้
แค่รีบแฮ๊กให้ไวแล้วหนีออกไปท่ามกลางศัตรูเป็นโหลที่จ้องจะฆ่าเรา ฟังดูไม่กดดันเลยนะเนี่ย...
เวลาห้านาทีมันเหมือนนานเป็นชาติสำหรับอเล็กและทีม ชายหนุ่มพยายามตั้งหน้าตั้งตารีบแก้รหัสขณะที่ขบวนรถกำลังตรงเข้ามาจอที่โกดังพร้อมกำลังคน
ติดอาวุธครบมือ พวกที่อยู่ข้างล่างคงจะไม่ใช้กระสุน Taser แบบพวกเขาแน่มันคงเป็นกระสุนตะกั่วสูตรเดิมไม่ใส่เหล็กถ้าโดนเข้าสักนัดล่ะก็ถึงตายแน่ ในเวลานี้
อเล็กซ์ชักอยากจะมีกระสุนจริงติดเอาไว้บ้าง ถึงจะฟังดูผิดระเบียบแต่อย่างน้อยมันคงจะดีกว่าถ้าหากว่าจะต้องตายก็อยากจะลากพวกศัตรูลงนรกไปพร้อมกันด้วย
ร่างปริศนาในชุดดำกว่าสองโหลเดินกระจายกันออกไปรอบๆโกดังเพื่อหาตัวผู้บุกรุกอย่างพวกเขา อเล็กซ์หายใจหอบถี่มากขึ้นทุกวินาทีด้วยความกดดัน
รหัสชุดนี้หินเป็นบ้ารู้สึกมันเหมือนจะถอดได้ยากกว่าอันก่อน เขาจะมัวเสียเวลาไม่ได้ชีวิตของทุกคนในทีมจะรอดกลับได้ทั้งหมดหรือไม่ขึ้นอยู่กับฝีมือในการถอดรหัส
ของเขาแล้วในตอนนี้
เร็วสิ... เร็วสิ!!
โดรนสอดแนมของอเล็กซ์บินไปรอบๆโกดังอย่างเงียบเชียบมันยังคงไม่ยิงในตอนนี้จนกว่าอเล็กซ์จะเปิดระบบอาวุธให้มันโจมตี จนกว่าจะถึงตอนนั้นมันก็เป็นเพียง
เครื่องบินบังคับเด็กเล่นที่บังเอิญติดปืนไฟฟ้าพร้อมพ่วงระเบิดเอาไว้ด้วยก็เท่านั้น
โปรแกรมถอดรหัสกำลังแปลข้อมูลเพื่อหารหัสที่ถูกต้อง คงต้องใช้เวลาอีกสักพัก ซึ่งเวลานั้นเหลือน้อยเต็มทีแล้ว...
------------------------------------------------------------------------------------------------------
รันฟาไม่เคยรู้สึกกดดันอะไรขนาดนี้มาก่อนนับแต่ทำงานภาคสนามมา ถึงนี่จะไม่ใช่การลงงานภาคสนามครั้งแรกของเธอ แต่หญิงสาวเพิ่งจะเคยเจอกับศัตรูจำนวนมาก
ขนาดนี้ครั้งแรก หน้าที่ของเธอในตอนนี้คือคอยคุ้มกันอเล็กซ์จนกว่าเขากับโปรแกรมถอดรหัสนั่นจะทำหน้าที่สำเร็จ หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกๆและตั้งสติให้มั่น
ใจเย็นๆ รันฟา... เธอจะผ่านมันไปได้... เราจะเผ่นไปแบบเงียบๆไม่มีการยิงกัน...
ปัง! ปัง! ปัง!
ถ้ารันฟาไม่ได้หูฝาดไปนั่นคือเสียงปืนแถมฟังจากรูปแบบของเสียงแล้วมันไม่ใช่ปืนของใครในทีมแน่ๆ หมายความว่ามีใครบางคนในทีมถูกพบตัวแล้ว
ซึ่งมันก็ไม่ใช่ลางดีเอาเสียเลย เสียงปืนเพียงไม่กี่นัดมันก็มากพอที่จะเตือนคนในระยะสองสามช่วงตึกนี่ให้รู้แล้วว่ามีศัตรูอยู่ที่นี่ อีกสักพักพวกศัตรูจะแห่กันไป
ตรงจุดที่มีการปะทะกันเหมือนกับฝูงฉลามที่ได้กลิ่นเลือดของเหยื่อไม่มีผิด
“ทุกคนฉันถูกเจอตัวแล้ว อาวุธพร้อมยิงได้เลย!!” ไม่กี่อึดใจถัดมาแร็บบิทก็ตะโกนบอกผ่านวิทยุมาพร้อมเสียงปืนของข้าศึกอีกละลอกที่ดังขึ้นลอดผ่านช่องวิทยุเข้ามา
รันฟารีบเตรียมปืนพร้อมกัดฟันหายใจถี่หนักขึ้น ซึ่งอเล็กซ์ที่นั่งอยู่ข้างๆเธอเพียงคนเดียวบนหลังคาของโกดังก็รีบยื่นแท๊บเล็ตรีโมทควบคุมโดรนเอามาให้เธอ
หญิงสาวรู้สึกงงมากที่อเล็กซ์ยื่นรีโมทบังคัมมาให้เธอแบบนี้
“เคยเล่นโดรนบังคับไหม ถ้าเคยฉันว่าคงได้เวลาแล้ว ใช้งานไม่ยากเหมือนเล่นเกมนั่นล่ะ!!” อเล็กซ์ตอบขณะที่รีบถอดรหัสจนถึงชุดสุด้ทายแล้ว
เสียงปืนดังขึ้นจากทุกทิศจนแทบจะได้ยินกันไปทั่วทั้งย่าน เสียงกระสุนปืนพุ่งปะทะกับผนังของโกดังกระทบมาจนถึงข้างบนหลังคานี่ด้วย ตอนนี้คงไม่ใช่เวลาจะมาเกี่ยงแล้ว
ว่าทำได้หรือไม่ มีแต่ต้องทำสถานเดียว
รันฟาใช้แท๊บเล็ตรีโมทควบคุมโดรนสอดแนมติดอาวุธบินไปรอบๆโกดังเพื่อหาช่องทางยิง เป็นอย่างที่อเล็กซ์ว่าเอาไว้จริงๆมันเหมือนกับเล่นเกมในมือถือไม่มีผิด
โชคดีที่เธอเคยเล่นเกมอะไรแบบนี้มาบ้างการบังคับโดรนตัวนี้จึงไม่ยากเย็นอะไรนัก
มือซ้ายควบคุม มือขวาสั่งยิง เข้าใจแล้ว...
เปรี๊ยะ!!
กระสุนนัดแรกถูกยิงจากโดรนเข้าเป้าที่กลางหัวของศัตรูลอดผ่านหน้าต่างโกดังเข้าไปอย่างแม่นยำก่อนข้าศึกจะล้มหมดสติไปด้วยไฟฟ้ากว่าแปดร้อยวัตต์
ที่ช๊อตเข้าอย่างจัง หญิงสาวพอเริ่มเข้าใจการควบคุมสิ่งต่อไปที่ต้องทำคือหาเป้าหมายใหม่และจัดการข้าศึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากตรงนี้เธอเห็นรี้ดกำลังยิงปืน
จากตึกฝั่งตรงข้ามห่างออกไปสองสามบล็อก เธอได้ยินเสียงปืนของรี้ดดังขึ้นหลายครั้งพร้อมกับข้าศึกบางคนที่เธอเห็นว่าโดนรี้ดยิงร่วงผ่านหน้าจอบังคับโดรน
หญิงสาวไม่รู้ว่าข้างล่างมีการปะทะหนักแค่ไหน แร๊บบิทและโฮลี่อยู่ข้างล่างเพียงสองคนเท่านั้น น่าแปลกที่รู้สึกโล่งใจตอนได้ยินเสียงปืน เพราะคิดว่าถ้าเสียงปืน
ยังไม่หยุดลงแปลว่าข้างล่างนั่นยังไม่มีใครเสียท่า แต่นั่นคงอีกไม่นานแน่หากทั้งสองคนยังอยู่ในแนวยิงของห่ากระสุนชุดใหญ่ที่เข้าสาดมาแบบไม่ยั้งแบบนี้
“อเล็กซ์! จะให้รอไปอีกกี่ชาติวะเนี่ย ข้างล่างจะตายกันอยู่แล้ว!!” แร็บบิทโวยวายผ่านวิทยุมาพร้อมเสียงที่เหมือนกับอยู่ในสงครามไม่มีผิด
อเล็กซ์รีบกดตัวป้อนรหัสไปมา สักพักที่หน้าจออ๊อบแซ๊ทก็ขึ้นเป็นข้อความสีเขียว “ได้แล้วครับหัวหน้า!!”
รันฟาไม่เคยรู้สึกดีใจอะไรแบบนี้มาก่อน ในที่สุดอเล็กซ์ก็ทำสำเร็จซะที หวังว่าที่ทุกคนลงแรงทำไปมันจะให้ผลคุ้มค่าอย่างที่คิดไม่งั้นล่ะก็งานนี้คงต้องไปคิดทบทวน
เรื่องหางานใหม่ทำซะแล้วหากรอดกลับไปได้ในครั้งนี้
“เยี่ยมมากอเล็กซ์! นายกับรันฟารีบเผ่นไปก่อน ฉันกับโฮลี่จะตามหลังไปติดๆ บอกมิกกี้ให้ไปรอที่จุดนัดพบ ส่วนที่เหลือถอนกำลังได้ โฮลี่คุ้มกันด้วย!!” นั่นเป็นเสียงคำสั่ง
สุดท้ายก่อนที่ทั้งสองคนจะรีบโรยตัวจากหลังคาลงมา ในตอนนี้ยังมีเสียงของการปะทะลอยออกมาจากโกดังบ้าง แต่ไม่มากเท่ากับตอนแรก แร๊บบิทคงจะกำลังยิงพลางถอยพลาง
รี้ดกับมิกกี้คงกำลังขับรถตรงมาที่นี่ แล้วเราจะได้เผ่นออกไปด้วยกัน... หญิงสาวคิด
ทั้งสองคนเผ่นออกห่างจากโกดังเพื่อไปยังตึกที่อยู่ห่างออกไปห้าช่วงตึกทางทิศเหนือ แถวนี้เป็นจุดที่ไม่ค่อยมีคนอยู่อาศัยมากนักเพราะเป็นเขตพื้นที่เวนคืน
กำลังจะมีการทุบตึกเก่าแถวนี้ออกเพื่อสร้างเป็นเขตที่พักอาศัยสำหรับคนยากจนเสียใหม่ พื้นที่แถวนี้จึงมีแต่ตึกเก่าสภาพทรุดโทรมยังไม่รวมถึงกล้องวงจรปิด
ที่พังเช่นเดียวกัน
เพราะอย่างนี้หัวหน้าจึงเลือกแถวๆนี้เป็นจุดนัดพบสินะ....
รันฟาวิ่งไล่หลังอเล็กซ์แบบตามติดพลางคอยระวังหลังให้ ก็ไม่รู้ว่าแร๊บบิทกับโฮลี่จะตามมาเมื่อไหร่แต่ที่แน่ๆคือยิงกันไปขนาดนี้ ถ้าชาวบ้านแถวนี้ไม่หูหนวกกันสักพัก
พวกตำรวจต้องแห่กันมาที่นี่ในอีกไม่กี่อึดใจและนั่นคงจะเป็นการทำให้เรื่องยุ่งยากเข้าไปอีก
“บ้าจริง!!” อยู่ๆอเล็กซ์ก็โวยวายขึ้นเหมือนมีเรื่องบางอย่าง
“มีอะไรคะ?” หญิงสาวเอ่ยปากถาม
“วาสป์โดรนของผมโดนยิงพังไปแล้วน่ะสิ ผมใช้เวลาประกอบสร้างมันตั้งเดือนเชียวนะ แถมเพิ่งใช้งานครั้งแรกด้วย”
“นี่ใช่เวลามาบ่นเรื่องนี้ไหมคะเนี่ย! ตอนนี้หัวหน้ากำลังแย่เราจะทำยังไงกันดีคะ”
เธอกังวลแทบตายกับเรื่องพวกนี้ถ้าหากที่อเล็กซ์พูดมาเมื่อครู่เป็นเพียงแค่มุขตลกที่กะจะทำให้เธอหายเครียดล่ะก็ขอบอกเลยว่ามันไม่ขำเลยสักนิด สถานการณ์ที่กำลังเจอ
มีทั้ง ภารกิจเกือบล่ม โดนไล่ยิง พลัดหลงกับเพื่อร่วมทีม และยังไม่รวมกับที่อาจจะระเบิดอาคารแถวนี้อีกสักหลังเป็นของแถม บอกเลยว่าต่อให้เป็นคนมีอารมณ์ขัน
ก็คงไม่มีเวลาจะมาเล่นมุขตอนยังเอาชีวิตรอดอยู่แน่
และที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือเสียงปืนที่เมื่อครู่ยังดังระงมติดๆกันเป็นจังหวะตอนนี้มันเงียบไปแล้ว เธอไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย มันเงียบเกินไปเงียบจนรู้สึกได้ว่า
เหมือนจะโดนดูดเข้าไปในอีกโลกหนึ่งที่เราอาจจะเป็นบ้าได้เพียงเพราะความเงียบ
ตูม!!
แล้วความเงียบก็อยู่ได้ไม่นาน รันฟาเห็นเปลวไฟกองใหญ่พวยพุ่งขึ้นมาประมาณสิบฟุต หลังมีการระเบิดขึ้นตรงจุดที่ทั้งสองคนเพิ่งวิ่งมา พร้อมกับร่างของแร๊บบิทกับโฮลี่
กำลังวิ่งตรงมาทางนี้พร้อมกับพลพรรคข้าศึกที่ยิงปืนไล่หลังตามมาติดๆ อาคารร้างที่อยู่แถวนั้นถล่มครื่นลงมาท่ามกลางเปลวเพลิงที่กำลังลุกโชตช่วงจนมองเห็นได้ไกล
หลายไมล์
เยี่ยมไปเลยรันฟา... สิ่งที่ฝันเอาไว้เป็นจริงแล้ว ระเบิดอาคารทิ้งสักหลังในภารกิจ น่าจะจดเอาไว้เป็นหนึ่งในรายการความบัดซบของชีวิตนะเนี่ย...
เอี๊ยด!!
เสียงเบรกเอี๊ยดของล้อรถที่เสียดทานไปกับพื้นถนนจนเป็นร้อยไหม้เล็กน้อยทำให้รันฟาและอเล็กซ์เป็นอันสะดุ้งกันรอบสอง มิกกี้และรี้ดมารับได้ถูกจังหวะมาก
แร็บบิทกับโฮลี่กำลังมาทางนี้ ที่เหลือก็แค่รอให้พวกเขามาถึงและเหยียบมิดไมล์ไม่คิดชีวิตเท่านั้น
“ยิงคุ้มกันพวกเขาเร็วเข้า!!” อเล็กซ์ตะโกนบอกทีมพลางยกปืนขึ้น เล็งในตำแหน่งที่เหมาะแล้วเหนี่ยวไกอย่างมั่นคง
ปัง! ปัง!
รันฟาส่งกระสุนพุ่งแหวกอากาศอย่างรวดเร็วพร้อมเข้าปะทะเป้าหมายอย่างแม่นยำ ร่างของเป้าที่โดนยิงล้มลงเพราะความแรงของกระแสไฟฟ้า เช่นเดียวกับปืนกระบอกอื่น
ของสมาชิกทีมที่กำลังพ่นกระสุน Taser เข้าใส่เป้าหมายเพื่อคุ้มกันให้สมาชิกที่เหลือเผ่นออกมาจากดงข้าศึกได้ ยังดีที่เธอได้ฝึกยิงปืนแข่งกับอเล็กซ์อาทิตย์ละสองครั้ง
ถึงจะไม่เคยชนะเขาเลยสักครั้งก็ตามแต่ก็นับว่ามีประโยชน์มากในสถานการณ์แบบนี้
หญิงสาวได้แต่ภาวนาว่าให้หัวหน้าของเธอมาถึงตรงนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุดเพราะตอนนี้เธออยากจะหนีออกจากที่นี่เต็มทีแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอกับเหตุปะทะกับข้าศึก
จำนวนมาก แล้วยังต้องมาวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนยิงตรึงกำลังอีก ขอเพียงแค่แร๊บบิทวิ่งมาถึงรถเท่านั้นทุกอย่างก็จบ เธอจะได้กลับไปที่ฐาน ไปถอดชุดอุปกรณ์นี่ อาบน้ำ
แล้วก็ซัดบะหมี่ชามใหญ่จากร้านอาหารจีนสักสองชามให้พุงกาง ง่ายๆชิวๆ
แต่ก็อย่างที่ว่าในโลกเบี้ยวๆใบนี้ ความคิดแบบนั้นมันง่ายเกินไป...
“สตาร์ทเครื่องเลย! เปิดประตูเราต้องรีบ-” กระสุนเจาะเข้าที่ขาของโฮลี่ “บ้าเอ๊ย! ฉันถูกยิง!!”
รันฟาเห็นร่างของโฮลี่ทรุดลงกับพื้นก่อนที่เจ้าตัวจะคลานไปพลางยิงถอยไปพลาง แร๊บบิทที่วิ่งนำไปก่อนหน้านั้นเลยต้องหันหลับมาช่วยลากตัวโฮลี่ออกจากที่นั่น
หญิงสาวเห็นท่าไม่ดีเลยรีบวิ่งไปโดยไม่คำนึงถึงอันตราย หญิงสาวรับรู้ได้ถึงกระสุนหลายสิบนัดที่พุ่งเฉี่ยวผ่านจุดที่เธออยู่ไปพร้อมๆกันนั้นเสียงกรีดร้องโวยวายของโฮลี่
ที่เพิ่งถูกยิงขามาหมาดยังคงไม่หายไปไหนจนแทบจะแข่งกับเสียงปืนของข้าศึกที่ดังระงมไปทั่วทั้งพื้นที่
ลันฟาไม่มีทางเลือกเท่าไหร่หญิงสาวรีบลากโฮลี่เข้าไปหลบมุมข้างๆถังขยะ มันอาจจะไม่น่าหลบเท่าไหร่นักแต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าต้องมาเสี่ยงทำแผลกันกลางดงกระสุน
รันฟาลองตรวจดูบาดแผลของโฮลี่ที่บริเวณแข้งข้างขวา มีรอยแผลจากกระสุนอยู่หนึ่งจุดทะลวงผ่านเนื้อไป นับว่ายังเคราะห์ดีที่ไม่ได้โดนกระดูกไม่อย่างนั้นคงเป็นปัญหา
มากกว่านี้แน่
“อาการเขาหนักแค่ไหนลันฟา พอช่วยได้ไหม!!” แร็บบิทถามเธอพร้อมๆกับยิงปืนสกัด
“กระสุนทะลุผ่านไม่ได้ฝังใน แต่เลือดไม่หยุดไหล- อดทนหน่อยโฮลี่! เราต้องพาเขาออกไปจากที่นี่ก่อนจะเสียเลือดมากไปกว่านี้นะคะ!!”
“เอาล่ะเดี๋ยวฉันแบกไปเอง เธออยู่นี่ยิงสกัดพวกมันแล้วค่อยถอยตามมาเข้าใจไหม!”
เธอพยักหน้าตอบเป็นเชิงว่าเข้าใจ ก่อนจะตั้งปืนพร้อมเอาไว้ แร็บบิทแตะไหล่เป็นการให้สัญญาณก่อนที่รันฟาจะเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงสกัดพวกข้าศึกให้
หญิงสาวต้องทำทุกอย่างเพื่อซื้อเวลาให้แร๊บบิทแบกโฮลี่ไปให้ถึงรถให้ได้ ตำแหน่งของเธออยู่ห่างจากคนอื่นๆไปประมาณสองร้อยเมตร คงใช้เวลาไม่นานนัก
ในการวิ่งไปให้ถึง
ขณะที่กระสุนนับร้อยๆนัดกำลังพุ่งเข้ามาตรงจุดที่เธออยู่ ในหัวของรันฟากลับคิดอีกอย่าง ไม่รู้ทำไมกันหญิงสาวถึงได้เลือกเดินเข้ามาในเส้นทางนี้ทั้งที่เธอน่าจะเป็นหมอได้
คำตอบมันก็เห็นชัดๆอยู่เพราะเธอเป็นชาวเอเชียที่มาตั้งรกรากอยู่ที่นี่ในสังคมของชาวอเมริกัน เธอเป็นเพียงแค่พวกแปลกแยก ที่ไม่ได้รับการยอมรับ แม้จะพยายามพิสูจน์ตัวเอง
แทบตายแค่ไหนผลก็ยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย
ซ้ำร้ายด้วยความล้มเหลวของครอบครัว ความยากจนของทางบ้าน หญิงสาวจึงมีตัวเลือกทางอาชีพไม่มาก เพื่อไม่ให้อดตายเธอจึงตัดสินใจเข้าร่วมกับกองทัพ
สถานที่ที่เธออาจจะเรียกได้เต็มปากจริงๆว่า ‘บ้าน’ มันอาจจะไม่ใช่งานที่เธอเต็มใจทำนักแต่ก็เป็นตัวเลือกเดียวที่เธอไปได้
มีทางเลือกแค่ทางเดียว มันคงยังดีกว่าไม่มีทางไปเลย...
ก็นับว่ายังโชคดีที่เธอได้ถูกแร๊ทส์ดึงตัวเข้ามาร่วมหน่วย สถานที่ที่มีคนมากมายจากหลายประเทศหลายเชื้อชาติ หลากศาสนาความเชื่อ มาทำงานร่วมกัน
สถานที่ที่ยอมรับความแตกต่างที่ที่หญิงเอเชียอย่างเธอจะมีที่ยืนและได้รับการยอมรับจากใครสักคน...
“อาร์พีจี!!”
เสียงของคูปเปอร์ตะโกนปลุกให้หญิงสาวหลุดออกมาจากห้วงของความคิดทั้งปวง เมื่อข้าศึกยิงจรวดต่อสู้รถถังมาทางเธอ รันฟารีบพุ่งตัวถลาไปด้านข้าง
เพื่อหลบแรงระเบิดที่กำลังจะตามมาในอีกไม่กี่วินาที –
ตูม!!
ร่างของรันฟากระเด็นลอยถลาออกจากจุดเดิม หลีกเลี่ยงการโดนแรงระเบิดฉีกร่างมาได้อย่างหวุดหวิด แรงระเบิดส่งผลเพียงเล็กน้อยต่อรันฟา
หูของเธอนั้นแทบไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยในตอนนี้นอกจากเสียงวิ้งๆที่ดังอยู่ในแก้วหู ปวดหัวไปหมดไม่รู้ว่าจะขยับยังไงต่อดี รอบตัวก็มีแต่ความกับเศษซาก
ที่เหลือของถังขยะผสมเข้ากับกลิ่นไหม้และกลิ่นเหม็นอย่างร้ายกาจจนหญิงสาวรู้สึกเหมือนอยากจะอาเจียน
ทั้งที่ความคิดในตอนนี้มันบอกให้ลุกขึ้นแต่ร่างกายไม่ตอบสนองเลย หญิงสาวขยับตัวไม่ค่อยจะได้ดั่งใจนัก แรงระเบิดคงทำให้เกิดคลื่นช๊อกเข้าไปป่วนระบบประสาทของเธอ
จนหมดแล้วแน่ เธอรู้สึกเหนื่อยล้าแบบไม่เคยเป็นมาก่อนจนแทบอยากจะหลับในตอนนี้ เปลือกตามันค่อยๆหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆเธอกำลังจะหมดสติแต่ก็ไม่ยอมหมดสติไปจริงๆ
เสียที
ภาพของข้าศึกกำลังมุ่งตรงเข้ามาทางเธอพร้อมสังหาร...
แต่แล้วเธอก็ถูกใครบางคนช่วยพยุงขึ้นมา...
เธอกำลังนอนอยู่บนรถ มีเพื่อนร่วมทีมกำลังคอยพูดกับเธอทั้งๆที่หูของเธอดับจนแทบจะไม่ได้ยินอะไรด้วยซ้ำ...
แล้วสติของหญิงสาวก็ดับวูบไปเหลือเพียงความดำมืดที่ตามมาหลังจากนั้น...
*******************************************************************************************************************
แก้ไขล่าสุดโดย
pug005da เมื่อ 22 ก.ย. 2016, 14:58, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง