Rise To Risk : The Rewrite บทที่ 1 (ระหว่างแก้ไข)
1000 ปี ที่ผ่าน...
ในยามค่ำคืนที่เงียบสงบของใครบางคน ที่อาจทำให้เข้าสู่นิทราได้อย่างสุขสบาย กลับเป็นคืนเดียวกันกับที่เหล่าวีรบุรุษผู้กล้าหาญต้องต่อสู้กับราชาปีศาจร้าย ที่หวังจะยึดครองโลกเป็นครั้งสุดท้าย ราชาปีศาจผู้มีนามว่า “โฟเบีย”
บนภูเขาในป่าลึกอันเงียบสงัด แสงจันทร์สาดส่องลงมากระทบบนใบหน้าคมคายของชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง นัยน์ตาสีนิลที่เปี่ยมไปด้วยความเด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่นอย่างเห็นได้ชัด เส้นผมสีดำที่ยาวสลวยได้ปลิวไปตามกระแสลมพัดอย่างแผ่วเบา ในมือทั้งสองข้างกุมดาบทรงอัศวินที่มีลวดลายของมังกรสลักไว้อย่างกระชับ เบื้องหลังของชายผู้นี้ยังมีร่างของบุคคลผู้อื่นอยู่อีก แต่กลับเป็นเพียงแค่ร่างที่ไร้สภาพและวิญญาณของเหล่าเพื่อนพ้องผู้กล้าหาญของชายผู้นี้เท่านั้น ในขณะที่เบื้องหน้าคือชายหนุ่มผู้มีนัยน์ตาสีแดงราวกับเลือดที่ดูน่าหวาดกลัวเฉกเช่นเดียวกับสายตาที่ส่งมา เส้นผมสีเดียวกันที่ยาวถึงกลางหลังถูกลมพัดปลิวไสวไปอย่างช้าๆ ในมือด้านขวากุมดาบที่มีสีแดงทั้งด้ามจับและตัวดาบ รวมถึงยังมีรอยเลือดติดอยู่ด้วย ชายหนุ่มค่อยๆยกดาบขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว และชี้ไปยังตรงหน้าของอีกฝ่าย ก่อนที่จะได้ยินถึงเสียงพูดอันแผ่วเบา แต่กลับแฝงไปด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจของอีกฝ่าย
“ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าทำแบบนี้... โฟเบีย”
เมื่อสิ้นเสียงบุรุษผู้นั้นจึงพุ่งเข้าหาคู่ต่อสู้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะตวัดดาบเข้าไปที่จุดตายของอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายก็รับทันด้วยดาบในมือ ก่อนที่จะใช้มืออีกข้างที่ว่างผลักบุรุษผู้นั้นออกไป พร้อมกันกับที่ปล่อยลูกพลังงานที่มีสีดำขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากมือข้างเดียวกัน ลูกพลังงานพุ่งเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว แต่ก็ทำได้เพียงแค่นั้น บุรุษผู้มีนัยน์ตาสีนิลยกดาบขึ้นมาปัดป้องการโจมตีของอีกฝ่าย และพุ่งเข้าไปอีกครั้ง ก่อนที่จะถูกสวนกลับมาในแบบเดียวกันอีก
“เลิกทำแบบนั้นสักทีเถอะ เริ่มเอาจริงสักที” บุรุษหนุ่มเอ่ยอย่างเย้ยหยัน พร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏออกมาที่มุมปาก
บุรุษวัยกลางคนผู้นั้นยืนนิ่งเมื่อได้ยินคำของอีกฝ่าย ก่อนที่จะค่อยๆปักดาบลงไปในพื้นดินอย่างช้าๆ พร้อมกับเอ่ยอะไรบางอย่างออกมา...
เมื่อสิ้นคำ ได้ปรากฏกำแพงไฟที่แลดูคล้ายกรงเล็บของสัตว์ร้ายพุ่งขึ้นมารอบๆตัวของจอมปีศาจหนุ่ม และพุ่งเข้าหาตัวของเขาอย่างรวดเร็วและรุนแรง
วีรบุรุษผู้นั้นได้แต่ยืนมองไปที่ผลงานของตนเองด้วยความหวังที่ว่าจะชนะในการต่อสู้ครั้งนี้
แต่กลับเป็นเช่นนั้นไม่...
เมื่อการโจมตีจบลง ร่างของจอมปีศาจที่ถูกโจมตีเข้าไปแบบเต็มที่ กลับไม่มีแม้แต่รอยแผลขีดข่วนใดๆทั้งสิ้น มีเพียงแต่รอยไหม้ของเสื้อผ้าและคราบเขม่าที่ติดอยู่เต็มไปหมดเท่านั้น
“การโจมตีแค่นี้น่ะ... ทำอะไรฉันไม่ได้หรอก... มันต้องใช้มนต์สุดยอดสิ” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างเนือยๆ ก่อนที่เปลี่ยนเป็นน้ำเสียงจริงจังในวรรคสุดท้าย
“ชิ...” บุรุษผู้มีนัยน์สีดำสบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ เขาจะสามารถเอาชนะเจ้าปีศาจนี่ด้วยตนเองโดยที่ปราศจากพวกพ้องได้หรือ ? ต้องทำอย่างไรถึงจะชนะได้ ? จะสามารถชนะได้ไหม ? แล้วจะทำอย่างไร ?
แต่ทว่ากลับมีเสียงหนึ่งที่ทำให้เขาตื่นออกมาจากภวังค์
“ถ้าเอาชนะด้วยตัวคนเดียวไม่ได้ ก็ใช้สองคนสิ...” เสียงอีกเสียงของวีรบุรุษผู้ที่มีพลังแห่งสายน้ำและน้ำแข็งดังขึ้นจากด้านหลังของเขาอย่างแผ่วเบาราวกับสายลม
“อย่าหันมามองนะ... นายต้องอย่าให้มันรู้ว่าฉันยังมีชีวิตอยู่... เพื่อที่โลกของเราจะได้อยู่อย่างสงบสุข”
บุรุษผู้นั้นจึงยืนนิ่งและตั้งท่าคอยระวังตัวจากเบื้องหน้า โดยที่พยายามจะรักษาระยะห่างของจอมปีศาจกับสหายผู้นี้ เพื่อที่จะไม่ให้มันได้ยินเสียงของเขา
“ฉันจะใช้พลังทั้งหมด สร้างน้ำแข็งขึ้นมาพันธนาการมันเอาไว้ ในจังหวะที่มันเสียหลัก และนายต้องจัดการมันในการโจมตีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น”
เขาพยักหน้ารับอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้คู่ต่อสู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าสงสัย ก่อนที่จะได้รับสัญญาณให้เริ่มทำตามแผนที่ได้ยินมา
มันอาจจะทำให้เพื่อนของเขาต้องตายไปจากการที่ใช้พลังทั้งหมดเพื่อสร้างโอกาสในการโจมตีครั้งนี้ให้เขา
แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อความสงบสุขของโลก และเขาเอง ก็คงต้องเสียสละตนเองด้วยเช่นกัน
วีบุรุษคนสุดท้ายที่ยังสามารถยืนหยัดอยู่ได้ ได้พุ่งเข้าหาจอมราชาปีศาจร้ายอย่างห้าวหาญ
ชายผู้นั้นใช้นิ้วชี้และกลางของมือด้านซ้ายลูบเบาๆที่ใบดาบจากด้านด้ามไปจนถึงปลาย ทำให้ปรากฏถึงไฟที่ติดบนตัวดาบของเขา
ในขณะที่จอมปีศาจก็ได้พุ่งสวนเข้ามาทางเขาเช่นกัน และเงื้อดาบเล็กน้อยหมายจะแทงสวนกลับเข้าไปที่จุดตายของคู่ต่อสู้ แต่ทว่า...
วีรบุรุษผู้กล้าหาญได้ดันตัวกระโดดขึ้นข้ามศีรษะของจอมปีศาจผู้นี้ไป
“ฮึ... ลูกไม้ตื้นๆ” บุรุษหนุ่มผู้มีนัยน์ตาสีแดงราวกับเลือด ที่กำลังจ้องมองไปยังผู้อยู่เหนือหัวของเขาในขณะนี้ ก่อนจะย่อตัวลงและพยายามที่จะดันตัวขึ้น...
ไม่ได้...
ราชาปีศาจหนุ่มนึกในใจ ก่อนที่จะก้มลงมองไปยังเบื้องล่างของตนเอง ที่ตอนนี้ถูกน้ำแข็งจับตัวเกาะอยู่อย่างแน่นหนา และกำลังไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ
วีบุรุษคนสุดท้าย หาได้สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นใดๆไม่ นี่คือโอกาสในการโจมตีครั้งสุดท้าย จำเป็นที่จะต้องทุ่มพลังทั้งหมดลงไปในการโจมตีครั้งนี้
เขาค่อยๆหลับตาลงอย่างช้าๆ ประสานมือที่กุมดาบไว้ ไว้ที่อกอย่างแผ่วเบา
“นี่คือ... การโจมตีครั้งสุดท้ายของข้า...”
“ด้วยพลังแห่งพระเจ้าผู้สร้างและคุ้มครองโลก โปรดประทานพลังแห่งท่านมายังข้า เพื่อใช้ในการโจมตีครั้งสุดท้าย...”
“ข้าขอมอบชีวิตนี้ให้ท่าน !!!!!!!!”
เมื่อสิ้นเสียงได้ปรากฏปีกที่มีสีขาวออกมาจากหลังของบุรุษผู้นั้น ก่อนที่มีแสงสว่างอย่างเจิดจ้าส่องออกมา
“เฮเว่น... ซอร์ด !!!!!!!!”
ดาบในมือเปล่งแสงสว่างจ้าออกมาเฉกเช่นเดียวกับปีกกลางหลัง วีรบุรุษผู้ที่จะปิดตำนานของจอมปีศาจโฟเบียลง ได้เงื้อดาบขึ้นข้างตัวอย่างช้าๆ ก่อนที่จะพุ่งเข้าไปปักดาบลงที่กลางอกของจอมปีศาจ ที่ถูกพันธนาการไว้จนไม่สามารถที่จะขยับหนีไปไหนได้จนมิดด้าม แผลที่ถูกแทงหาได้มีเลือดของปีศาจร้ายพุ่งออกมาไม่ แต่กลับเปล่งเป็นแสงสว่างอันเจิดจ้าที่พุ่งออกมาแทน นัยน์ตาสีแดงฉานของมันจับจ้องไปยังผู้ที่ทำร้ายตนอย่างเคียดแค้น โดยที่ปากของมันพึมพำเหมือนต้องการที่จะพูดหรือสาปแช่งกับผู้ที่กำลังจะทำให้มันต้องหลับใหลไปตลอดกาล โดยที่ไม่มีวันที่จะได้ครองโลกอย่างที่ฝัน ขณะที่บุรุษวัยกลางคนผู้นั้นค่อยๆก้าวถอยหลังออกมาอย่างช้าๆ
“โซ่ตรวนแห่งการพันธนาการ จงปรากฏขึ้นมา พันธนาการ และจองจำปีศาจตนนี้ตลอดไป !!!!!!!!!!”
เมื่อการกล่าวจบลง ปรากฏมีโซ่สีขาวบริสุทธิ์นับร้อยพันเส้นโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน และพุ่งเข้ามัดตัวของจอมปีศาจอย่างรวดเร็วและแข็งแรง ก่อนที่จะปรากฏแสงสว่างจ้าออกมาอย่างรุนแรง และหายลับไปพร้อมกับร่างของจอมปีศาจ...
หลงเหลือไว้เพียงแต่ดาบคู่ใจของวีรบุรุษผู้กล้าหาญที่หล่นลงและปักอยู่บนพื้นดิน...
วีรบุรุษผู้ที่จะเป็นตำนานที่ถูกกล่าวขานกันในกาลต่อไป ค่อยๆยิ้มออกมาอย่างสุขใจ ก่อนที่จะทรุดลงไป และหลับใหลไปตลอดกาล...
………………………………………………………………………………………………………………….......
1000 ปีให้หลัง
ณ ภูเขาแห่งตำนานการต่อสู้
เสียงลมอันบางเบาพัดมากระทบกับใบไม้ของเหล่าต้นไม้น้อยใหญ่ ท่ามกลางแสงจันทราที่ส่องสว่างในความมืดมิดของยามราตรี เผยให้เห็นถึงร่างของชายชราหลังค่อมในชุดผ้าคลุมสีเลือดที่ยืนอยู่บริเวณหน้าผา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นบ่งบอกถึงความชราภาพได้เป็นอย่างดี มือทั้งสองข้างกุมอยู่ที่หัวของไม้เท้าที่ทำจากไม้ นัยน์ตาสีเลือดจับจ้องไปบนท้องฟ้าอันกว้างไกล
“ในที่สุด... เวลานี้ก็มาถึง... เวลาที่ท่านผู้ที่จะเป็นเจ้าแห่งโลกที่แท้จริง... ได้ตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลนานนับพันปี...” เสียงแหบแห้งของชายชราหลังค่อมดังขึ้นอย่างมีความสุข ก่อนที่จะระเบิดเสียงหัวเราะที่ไม่น่าฟังออกมา...
………………………………………………………………………………………………………………….......
ต้องขออภัยด้วยนะครับ ที่หายไปนานมาก นับจากการลงครั้งล่าสุด - -
เนื่องจากผมลองกลับมาอ่านอันเก่าของตัวเองอีกครั้ง แล้วมีจุดบกพร่องที่ควรจะต้องแก้ไขเยอะแยะมากมาย
จึงทำให้เกิดความคิดที่จะรีไรท์ขึ้น ตามที่หลายๆคนแนะนำ
แต่เนื่องด้วยหน้าที่การเรียนที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้นเมื่อเลื่อนชั้นสูงขึ้น ทำให้ประสบปัญหาเกี่ยวกับการที่ ไม่มีเวลาในการเขียนอย่างต่อเนื่อง
ทำให้หายไปนานเอามากๆ และบทต่อๆไปก็คงจะไม่แพ้กัน แต่นี่ก็ใกล้ช่วงที่จะปิดเทอมแล้ว
ผมคาดว่าน่าจะมีเวลาว่างมากขึ้น สำหรับในการเขียนฟิคนี้
สุดท้ายนี้ ผมต้องขอให้ทุกคนช่วยกันติชมและชี้แนะในจุดบกพร่องต่างๆด้วยนะครับ
ป.ล. Edit ตรงส่วนที่พี่ฝุ่นแนะนำครับ
>>> Eden : Prologue & Chapter 1 <<< By Apayin, forng1998, franc และ resident

กลับมาแล้ว(มั้ง?)ครับ ไว้เร็วๆนี้อาจจะมีผลงานมาให้ติดตามอีกนะครับผม